อัยการสูงสุดลงนามสั่งฟ้อง “ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร” ข้อหา “ร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” ต่อ นายพอละจี รักจงเจริญ หรือ “บิลลี่” ชาวกะเหรี่ยงบางกลอย ที่หายตัว ตั้งแต่ 17 เมษายน 2557 และวันนี้ได้เปลี่ยนสถานะจากคดี “คนหาย” ไปเป็นคดี “ฆาตกรรม” อย่างเป็นทางการในที่สุด แต่สั่งไม่ฟ้องข้อหา “เจ้าพนักงานรัฐปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ” เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว
.
ล่าสุดมีเอกสารจากสำนักงานอัยการสูงสุด ส่งถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ลงนามโดยนายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด ปฏิบัติราชการแทนอัยการสูงสุด ยืนยันแล้วว่า อัยการการสูงสุดได้ลงนามในความเห็นสั่งฟ้องนายชัยวัฒน์และพวกรวม 4 คน โดยหนึ่งในนั้นเป็นข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” คือ นายพอละจี รักจงเจริญ หรือ “บิลลี่” แล้ว ในวันที่ 10 สิงหาคม 2565
.
โดยข้อหาที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งวฟ้องนายชัยวัฒน์ และพวกรวม 4 คน คือ
.

  1. ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแก่ตามที่ตนได้กระทำความผิดอื่น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนกระทำไว้
    .
  2. ร่วมกันโดยมีอาวุธข่มขืนใจโดยให้ผู้อื่นกระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง
    .
  3. ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายเป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย
    .
  4. ร่วมกันทุจริตหรืออำพรางคดี กระทำการใดๆแก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะมำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป

.
ส่วนข้อหาที่อัยการ “สั่งไม่ฟ้อง” นายชัยวัฒน์และพวก คือ ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เนื่องจากมองว่าในขณะที่เกิดเหตุไม่ได้อยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเจ้าพนักงานของรัฐแต่กระทำในฐานะส่วนตัว และสั่งไม่ฟ้องเอกชนอีก 1 คน ในข้อหาเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานซึ่งเชื่อมโยงกับข้อหาก่อนนี้