ฉีดวันแรกวัคซีนโควิด-19 เชียงใหม่ทยอยฉีด3เดือน ให้แก่ 4 กลุ่มเสี่ยงที่เป็นหน้าด่าน เริ่มเดือนแรก 3,500 โดส

วันนี้(1มี.ค.64) ที่โรงพยาบาลนครพิงค์ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยนายแพทย์ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงษ์ ผู้ตรวจราชการสาธารณสุขเขต 1,นายแพทย์จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ และนายแพทย์วรเชษฐ เต๋ชะรักษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพิงค์ ร่วมกันเป็นประธานในการดำเนินการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในกลุ่มเป้าหมายระยะแรก ที่ประกอบด้วย 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ กลุ่มเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ ที่จะมีโอกาสสัมผัสโรค อาทิ เจ้าหน้าที่ท่าอากาศยาน ตำรวจ เจ้าหน้าที่ด่านคัดกรอง อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) กลุ่มผู้มีโรคประจำตัว และกลุ่มแรงงาน/กลุ่มประชาชนทั่วไปผู้ที่มีโอกาสจะติดเชื้อจากการประกอบอาชีพ

โดยผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนเป็นลำดับแรกของจังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ นายแพทย์ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงษ์ ผู้ตรวจราชการสาธารณสุขเขต 1 จากนั้นตามด้วยนายวีระพันธ์ ดีอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่, นายแพทย์จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ และนายแพทย์วรเชษฐ เต๋ชะรักษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพิงค์ ตามลำดับ ซึ่งรอบแรก เดือนมีนาคม 64 จำนวน 3,500 โดสนั้น จะเริ่มฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมาย อายุ 18-59 ปี จำนวน 1,750 คน,บุคลากรสาธารณสุขด่านหน้า เจ้าหน้าที่ที่ดูแลหรือต้องสัมผัสกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งรัฐและเอกชน จำนวน 1,450 คน และเจ้าหน้าที่อื่นๆของหน่วยงานที่มีโอกาสเสี่ยงสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ จำนวน 300 คน ซึ่งจะทำการฉีดที่โรงพยาบาลนครพิงค์ทั้งหมด

ทั้งนี้ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ได้พิจารณาให้จังหวัดเชียงใหม่เป็น 1 ใน 18 จังหวัดแรกที่ได้รับการจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ในช่วง 3 เดือนแรกนี้ จำนวนทั้งสิ้น 83,500 โดส ด้วยจังหวัดเชียงใหม่เป็นพื้นที่ที่มีการระบาดบ่อยและเป็นพื้นที่ทางเศรษฐกิจ ซึ่งวัคซีนในระยะแรกนี้เป็นวัคซีนซิโนแวค สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่มีแผนการฉีดวัคซีนในเดือนมีนาคมจำนวน 3,500 โดส เดือนเมษายน 30,000 โดส และเดือนพฤษภาคมอีกจำนวน 50,000 โดส ขณะที่ประชาชนทั่วไป จะได้รับการฉีดในระยะที่ 2 ห้วงเดือนพฤษภาคม-เดือนธันวาคม 2564 ซึ่งจะเป็นวัคซีนแอสตราเซนเนก้า และขอให้ประชาชนมั่นใจว่าวัคซีนที่นำมาใช้นั้นมีความปลอดภัย เป็นไปตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก โดยคาดว่าจะสามารถฉีดวัคซีนให้กับประชาชนครอบคลุมทั่วทั้งจังหวัดภายในปลายปีนี้