จากกรณีดราม่า ห้ามใส่เสื้อคลุมจากการ์ตูนดัง “ดาบพิฆาตอสูร” ที่ครูโรงเรียนหนึ่งส่งไลน์แจ้งผู้ปกครองว่าห้ามเด็กสวมใส่ เพราะลักษณะเป็นไปในเชิงแฟชั่นมากกว่าที่จะเป็นเสื้อกันหนาว สำหรับคนไม่อ่านไม่ดูการ์ตูนอาจจะงง แต่ขอบอกเลยว่าการ์ตูนเรื่องนี้ดังมาก ดังจนชนิดมี “ของก็อปปี้” ละเมิดลิขสิทธิ์ออกมาขายกันบานตะเกียง

เรื่องดาบพิฆาตอสูร เป็นมังงะ (หนังสือการ์ตูน) และ อนิเมะ (ภาพยนตร์การ์ตูน) ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น กวาดรายได้ทำให้ญี่ปุ่นทั้งประเทศรอดจากภาวะวิกฤติเศรษฐกิจมาได้

ดาบพิฆาตอสูร (Demon Slayer) เขียนโดย “โคโยฮารุ โกโตเกะ” ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2559 เป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่ม ผู้กลายเป็นนักล่าอสูรหลังจากครอบครัวของตนถูกอสูรฆ่าตายทั้งหมด ยกเว้นเพียงน้องสาวที่ได้กลายเป็นอสูรไป เขาจึงตั้งปณิธานว่า จะหาทางทำให้น้องสาวกลับมาเป็นมนุษย์ดังเดิมให้ได้

ดาบพิฆาตอสูร มียอดขายแบบเล่มมังงะมากกว่า 120 ล้านเล่ม ความฮิตของมันทำให้ถูกหยิบไปทำเป็นซีรีส์อนิเมะทางโทรทัศน์อีกหลายตอน จนได้รับความนิยมไปทั่วประเทศ ทำให้ดาบพิฆาตอสูรเป็นการ์ตูนที่สามารถทำรายได้ในญี่ปุ่นสูงถึง 2,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ในปี 2563 ได้ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์อนิเมะเรื่อง “ดาบพิฆาตอสูร เดอะมูฟวี่: ศึกรถไฟสู่นิรันดร์” ซึ่งผลออกมาเป็นไปตามที่คาด ประสบความสำเร็จถล่มทลาย

ทุกไอเท็มของการ์ตูนขายได้ ขอให้แค่เป็น “ดาบพิฆาตอสูร” สาวกทั้งเด็กและผู้ใหญ่ก็พร้อมยอมจ่าย ที่มีกำลังหน่อยก็พรีออเดอร์สั่งตรงมาจากญี่ปุ่น แต่ในด้านมืดที่หลายคนทราบกันดี การทำสินค้าเลียนแบบทั้งหลายก็มีควบคู่ไปเสมอเมื่อความต้องการสินค้าสูง เราจึงเห็นสินค้าจากเรื่อง “ดาบพิฆาตอสูร” เต็มไปหมดทั้งขายตามตลาดนัดและใน Online Marketplace เด็กๆ ล้วนอยากเป็นเจ้าของ ทำให้เสื้อคลุมขายดิบขายดี จนเป็นที่มาของการที่โรงเรียนแจ้งผู้ปกครองว่า เสื้อจากการ์ตูนดาบพิฆาตอสูร ไม่ใช่เสื้อกันหนาว แต่เป็นเสื้อแฟชั่้น ที่ทางโรงเรียนไม่ให้นักเรียนใส่มาโรงเรียนนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม เรื่อง “ลิขสิทธิ์” เป็นเรื่องสำคัญยิ่ง สิทธิทางปัญญาทุกอย่างล้วนมีกฎหมายคุ้มครอง ดังนั้น ผู้ปกครองพึงระลึกว่า ไม่ควรสนับสนุนให้เด็กเคยชินกับการใช้ของที่ตัวเองชอบ โดยไม่คำนึงว่าเป็นของแท้ ของถูกกฎหมายหรือไม่ อันนี้สำคัญจริงๆ ถ้าหากมีการใช้สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์บริเวณสนามบิน หรือในประเทศเจ้าของลิขสิทธิ์ หรือแม้ในประเทศไทยที่ทางเจ้าของลิขสิทธิ์เห็นว่ามีการละเมิดกันสูงมาก ก็อาจจะถูกปรับเป็นเงินหลายบาททีเดียว