“สมคิด พุ่มพวง” ถูกศาลชั้นต้นศาลตัดสินประหารชีวิต! หลังฆ่าต่อเนื่อง 6 ศพ หนึ่งในนั้นคือคนรักของตัวเอง หนีสุดทางจนถูกจับ ไม่สำนึกผิด ฆ่าแล้วฆ่าอีก ชี้เป็นภัยสังคม ประหารสถานเดียว จับตากำหนดอุทธรณ์ 17 เม.ย.64

เมื่อวันที่ 17 มีนาคม ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดขอนแก่น ประชุมและอ่านคำพิพากษาคดี นายสมคิด พุ่มพวง หรือเจ้าของฉายา “แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ เมืองไทย” ฆาตกรต่อเนื่อง 5 ศพ ในคดีสังหารเหยื่อรายที่ 6 ฆ่ารัดคอหญิงคนรักวัย 51 ปี ชาว อ.กระนวน จ.ขอนแก่น หลังพ้นโทษในคดีเก่าได้เพียงครึ่งปี

คดีนี้ศาลพิพากษาผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ โดยไม่ได้เบิกตัวจำเลยมาศาล จำเลยคุมขังที่เรือนจำคลองไผ่ จ.นครราชสีมา

ศาลชั้นต้นพิพากษาประหารชีวิต นายสมคิด พุ่มพวง ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) (5) มาตรา 334 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 ทวิ วรรคสอง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ต่างกรรมต่างวาระ ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยทรมานหรือกระทำทารุณโหดร้าย ลงโทษประหารชีวิต

คดีนี้อัยการจังหวัดขอนแก่นสั่งฟ้องเมื่อ 5 ก.พ.63

สำหรับความผิดฐานซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ เพื่ออำพรางคดี เป็นการกระทำกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 ทวิ วรรคสอง อันเป็นบทกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 12 เดือน ฐานลักทรัพย์ เพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93 เป็นจำคุก 3 ปี ฐานเป็นการกระทำใดๆ ต่อศพฯ เพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 เป็นจำคุก 16 เดือน สำหรับฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนฯ เนื่องจากศาลลงโทษประหารชีวิต ซึ่งเป็นโทษสูงสุดแล้ว

“จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุม และชั้นสอบสวน เนื่องจากจำนนต่อพยานหลักฐาน แต่ให้การปฏิเสธในชั้นพิจารณา ต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ คำรับสารภาพดังกล่าว ไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา เป็นเพียงกลวิธีในการต่อสู้คดีของจำเลย เพื่อให้ศาลพิจารณาลดโทษให้เท่านั้น ประกอบกับพฤติการณ์การกระทำความผิดของจำเลย ได้กระทำต่อเนื่องในลักษณะเดียวกัน รวมคดีนี้ด้วยถึง 6 คดี หลังจากจำเลยพ้นโทษจากคดีทั้ง 5 คดีก่อนนั้น เป็นเวลาเพียง 6 เดือนเศษ

จำเลยยังกลับมากระทำความผิดเป็นคดีนี้อีก โดยไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง ทั้งไม่สำนึกในการกระทำความผิด ขาดความเมตตาปราณี สร้างความสูญเสียแก่สุจริตชน และเป็นอันตรายต่อสังคมอย่างใหญ่หลวง จึงไม่มีเหตุบรรเทาโทษ เมื่อลงโทษประหารชีวิตจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยทรมานหรือกระทำทารุณโหดร้าย จึงไม่อาจนำโทษจำคุกในความผิดกระทงอื่นของจำเลยมารวมได้อีก คงให้ประหารชีวิตจำเลยสถานเดียวริบของกลางอาทิ เทปใส กางเกงชั้นในสตรี ผ้าเช็ดตัว” คำพิพากษาระบุ

คดีนี้กำหนดอุทธรณ์ 17 เม.ย.64