อื้อฉาวกันไปทั้งประเทศ หลังประธานาธิบดีเปรู แซงคิวประชาชนรับวัคซีนโควิดจนเด้งจากเก้าอี้ ทำให้สถานะกลายเป็น “อดีตประธานาธิบดี” ตัดสิทธิ์การเมือง 10 ปี ล่าสุดไม่รอด โดนโควิดเล่นงานจนติดเชื้อ

งานนี้คนเปรูว่ายังไง? เมื่อ อดีตประธานาธิบดี มาร์ติน บิซการ์รา ที่หลุดจากตำแหน่งเพราะตัดหน้าประชาชน แอบไปฉีดวัคซีนโควิดโดยแซงคิวอย่างลับๆ จน แห่งเปรู โดยแถลงในเดือน ก.พ. ว่า เขาและภริยาได้ฉีดวัคซีนตั้งแต่เดือน ต.ค. ปีที่แล้ว เนื่องจากเป็น “อาสาสมัคร” ทดลองวัคซีนของซิโนฟาร์ม ทว่าทางมหาวิทยาลัยซึ่งดำเนินการทดลองวัคซีนตัวนี้ยืนยันว่าข้ออ้างดังกล่าวไม่เป็นความจริง ทำให้รัฐสภาเปรูได้ลงมติห้าม อดีตผู้นำรายนี้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปี สืบเนื่องจากการใช้อภิสิทธิ์ลัดคิวฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 และนั่นหมายความว่าเขาจะหมดสิทธิ์ครองที่นั่งในสภาที่เพิ่งชนะเลือกตั้งมาหมาดๆ ด้วย แต่แม้เขาจะโดนโทษหนักขนาดนี้เพราะหวังจะรอดจากโควิด ล่าสุดทั้งเขาและภรรยา ติดโควิดเรียบร้อยโรงเรียนเปรูไปแล้ว!

“แม้ผมจะระมัดระวังอย่างที่สุดที่จะไม่นำเชื้อไวรัสเข้าบ้าน แต่ผมและภรรยาก็ติดโควิด และเรามีอาการป่วยกันทั้งคู่” บิซการ์รา ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้นำเปรูในช่วงปี 2018-2020 ทวีตข้อความ

“ครอบครัวของผมได้ทำการกักตัวแล้ว ขอให้ทุกคนการ์ดอย่าตก”

บิซการ์รา วัย 58 ปี ถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักที่ไม่สวมหน้ากากอนามัย และไม่ใส่ใจเรื่องการเว้นระยะห่างทางสังคม ขณะที่ออกเดินสายหาเสียงก่อนศึกเลือกตั้งรัฐสภาเมื่อวันที่ 11 เม.ย.

บิซการ์รา ถูกกล่าวหาว่าเป็นหนึ่งในข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ 470 คนที่เข้ารับการฉีดวัคซีนอย่างเงียบๆ ก่อนที่มันจะถูกแจกจ่ายให้แก่ประชากรกลุ่มเสี่ยง

บิซการ์รา ก้าวสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีเปรูเมื่อปี 2018 และถูกรัฐสภาลงมติถอดถอนในเดือน พ.ย. ปี 2020 ด้วยข้อหาคอรัปชัน ซึ่งเจ้าตัวยังคงยืนกรานปฏิเสธ

ทั้งนี้ อาการป่วยของ บิซการ์รา อาจก่อให้เกิดคำถามในเปรูเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนซิโนฟาร์มที่รัฐบาลสั่งซื้อมาใช้