งานนี้ “บัญชาเมฆ” ไฟลุกพรึ่บ เมื่อ ภรรยานอกสมรสของนักมวยที่โด่งดังไปทั่วโลก “บัวขาว” ควงทนายขึ้นศาลฟ้องให้รับรองบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย เรียกค่าเลี้ยงดวง แฉยอดกำปั้นขวัญใจชาวไทย หายหน้า ไม่ติดต่อ ไม่รับรองบุตร
 
 
วันนี้ (29 เม.ย.) ที่ศาลเยาวชน และครอบครัวกลาง กรุงเทพฯ นางสาวอัญวีณ์ พรชัยวิบูลย์ หรือ เก๋ ภรรยาของนายสมบัติ บัญชาเมฆ หรือบัวขาว นักมวยไทยชื่อดัง พร้อมทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ยื่นฟ้อง “บัวขาว” ให้จดทะเบียนรับรองบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย และเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร
 
“เก๋” อัญวีณ์ พรชัยวิบูลย์ ภรรยานอกสมรสของ “บัวขาว บัญชาเมฆ” ยอดนักมวยไทยชื่อดังระดับโลก กล่าวว่า “พี่บัวขาวมาหาลูกครั้งสุดท้ายเมื่อช่วงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 และหลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันเลย”
 
“ทางเราเคยบอกพี่เขาหลายรอบแล้วว่าให้มาช่วยรับรองบุตรให้หน่อย ตอนนั้นพี่บัวเขาไม่ได้ปฏิเสธนะคะ แล้วก็รับปากว่าจะมาจดให้ แต่พอถึงเวลาพี่บัวก็เฉย จนตอนนี้น้อง 5 ขวบแล้วก็ยังไม่มีการจด ส่วนทางลูกเองพอโตขึ้นก็รู้อะไรมากขึ้น และเห็นว่าพ่อเป็นคนมีชื่อเสียง เห็นพ่อไปชกมวย ออกทีวีต่างๆนาๆ ได้เห็นพ่อเขา และเขาก็จะดีใจออกนอกหน้าว่านี่พ่อหนู แต่เขาไม่สามารถจะแสดงให้คนอื่นๆรู้ได้ว่าหนูคือลูกของบัวขาว เราก็เลยรู้สึกสงสารลูก เหมือนที่ผ่านมาพี่บัวขาว ซึ่งถือเป็นนักมวยดังระดับโลก ไม่ได้อยากจะแสดงหรือโชว์ว่าเขาคือพ่อของน้องเลย คือจริงๆ พี่บัวเขาก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้บอกคนอื่นว่าเขาเป็นพ่อของน้องนะ และความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกเขาก็รักกันดีมาก ลูกมักจะถามเสมอว่าเมื่อไหร่พ่อบัวจะมาหา หลายๆครั้งที่พี่บัวมาพาน้องไปเที่ยว ก็จะมีคนเข้ามาขอถ่ายรูปมาพูดคุย พอน้องกลับมาแล้วมาเล่าให้ฟัง คือน้องเขาก็จะดีใจมากที่ได้เห็นคนมาขอถ่ายรูปกับพ่อของเขาเต็มไปหมดเลย ความรู้สึกตอนนี้ของลูกก็คืออยากจะให้คนอื่นๆรับรู้ว่าหนูก็เป็นลูกของพ่อบัวขาวนะ ซึ่งเรื่องนี้บางทีมันจะทำให้เด็กมีปมด้อย”
 
ภรรยานอกสมรสของนักมวยดังกล่าวว่า
 
“ที่ผ่านมาพี่บัวยังไม่เคยคิดที่จะมาจดทะเบียนรับรองบุตรอย่างจริงๆจังๆ แต่เราก็เข้าใจนะคะว่าเขามีภารกิจ มีงานค่อนข้างเยอะอาจจะไม่ว่าง เมื่อปี 2560 พี่บัวขาวก็ได้มีการย้ายค่ายไปอยู่ที่แม่แตง จ.เชียงใหม่ มันเป็นช่วงที่เขาก็เริ่มจะห่างจากเราออกไป ด้วยความที่เขามีงานตลอดเวลาเขาก็จะไม่ได้กลับมาบ้านเลย”
 
“และตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา เก๋ก็อยู่บ้านกับลูกแค่ 2 คน ค่าใช้จ่ายมันก็เพิ่มขึ้น เก๋ก็เป็นคนที่หาเงินเลี้ยงลูกเอง เก๋เป็นแม่ค้าขายอาหารเสริมทางออนไลน์ เก๋ทำแล้วก็เลี้ยงลูกไปด้วย คือจริงๆไม่ใช่ว่าเขาจะไม่ให้ค่าเลี้ยงดูเลย เขาก็มีให้บ้าง แต่ไม่ได้เป็นยอดเงินที่สูง แค่หลักหมื่นไม่เกิน 2 หมื่น และก็ไม่ได้ให้ตลอด ที่ออกมาวันนี้ไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้ใครเสียหาย เพราะเราก็คือครอบครัวเดียวกัน แต่เวลาถามถึงค่าเลี้ยงดูไปเขาก็มักจะตอบว่าตอนนี้ไม่ค่อยมีเงิน เงินไม่พอ ซึ่งมันดูย้อนแย้งกับสิ่งที่เป็นอยู่ เราก็คิดในแง่ดีว่าพี่เขาอาจเอาเงินไปลงทุนทำค่าย ก็ให้เวลาเขาสักระยะหนึ่ง เราก็ต่อสู้มาอย่างยากลำบาก เราต้องเลี้ยงทั้งลูกตัวเอง และเลี้ยงดูพ่อแม่ซึ่งก็แก่เฒ่าแล้ว”
 
“สำหรับค่าเลี้ยงดูมันก็ไม่ใช่ประเด็นหลักที่เรามาวันนี้ แต่ประเด็นหลักคือจิตใจและความรู้สึกของลูก ลูกของเราเขาเรียก พ่อบัว ได้ก่อนที่จะเรียกแม่ด้วยซ้ำ สิ่งที่มาเรียกร้องคือสิทธิ์ในการปกครองบุตร จิตใจของลูกมันสำคัญมาก ตอนนั้นเงินอาจจะสำคัญกับเก๋มาก แต่ตอนนี้เก๋มีความสามารถพอที่จะเลี้ยงลูกได้ แต่บางสิ่งบางอย่างก็ยังไม่สามารถทำได้ เก๋ต้องจ้างทั้งพี่เลี้ยง จ้างคนขับรถต่างๆนาๆ”
 
“ตอนนั้นเราย้ายบ้านมาอยู่ใกล้ๆค่าย เพื่อให้ลูกของเราสะดวกสบายมากขึ้น เก๋เคยคุยกับเขาแล้วเรื่องนี้ แต่เขาก็ยังเป็นสไตล์เดิม เขาไม่ค่อยพูดอะไร เหมือนว่าเขาก็รับปากแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรจริงๆจังเสียที”
 
“แต่ลึกๆแล้ว เก๋เชื่อว่าพี่บัวต้องทำในสิ่งที่ขอไป ที่ผ่านมาเขาก็ทำหลายๆอย่างให้ลูกนะ แต่ช่วงหลังเขาละเลยไปเยอะมาก ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เราก็ให้เกียรติเขา มันคงเป็นการตัดสินใจของเขา”
 
“สถานะตอนนี้ เก๋กับพี่บัวขาวก็ติดต่อกันอยู่ตลอด เขาก็มาหาลูกตลอดอยู่เหมือนกัน แต่มาครั้งสุดท้ายก็คือเมื่อหลายเดือนที่แล้ว สถานะตอนนี้ยังคลุมเครือ แต่ทะเบียนบ้านก็อยู่ด้วยกัน แล้วก็อยู่ด้วยกันตั้งนานแล้ว”
 
“หลังจากนี้ก็อยู่ที่พี่บัวขาวว่าจะอย่างไร ว่าจะกลับมาอยู่ด้วยกันอีกหรือไม่ ก็อยากจะถามถึงพี่บัวว่าคิดถึงลูกบ้างหรือเปล่า ลูกคิดถึงเขามากเวลาเห็นเขาออกตามสื่อ แต่ช่วงหลังเขาไม่ค่อยได้มาหาลูกเลย ก็อยากฝากไปถึงเขาค่ะ ขอบคุณค่ะ” อัญวีณ์ พรชัยวิบูลย์ กล่าวทิ้งท้าย
 
ด้าน ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช กล่าวว่า “เราไม่มีเจตนาที่จะทำลายชื่อเสียงของคุณบัวขาว เรื่องนี้ถือเป็นผลดีเสียด้วยซ้ำไปว่าเด็กคนหนึ่งซึ่งเป็นลูกของนักมวยที่มีชื่อเสียงระดับโลก เป็นความภาคภูมิใจเสียมากกว่า”
 
“คือคุณอัญวีณ์ พรชัยวิบูลย์ หรือเก๋ ภรรยาของบัวขาว มาปรึกษาผมว่าตัวเขาเองเป็นภรรยาของคุณบัวขาวแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส รู้จักกันมาตั้งแต่ปี 2556 และตกลงปลงใจอยู่กินกันมาตั้งแต่ปี 2558 ซื้อบ้านด้วยกัน มีลูกด้วยกัน 1 คน คือ เด็กหญิงพิมพ์ญาดา พรชัยวิบูลย์ เกิดเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2558 ระบุชื่อพ่อว่าคือคุณสมบัติ บัญชาเมฆ และระบุชื่อแม่ว่าคุณอัญวีณ์ พรชัยวิบูลย์”
 
“หลังจากนั้น 4 เดือน ทางคุณเก๋ และคุณบัวขาว อยากจะให้ลูกของพวกเขาใช้นามสกุล เมฆบัญชา ก็เลยเปลี่ยนเป็นนามสกุลนี้ ตอนแรกชื่อเล่นลูกสาวของทั้งสองคนนี้คือน้องมีตังค์ แต่พอทางฝั่งของบัวขาวเอาไปเลี้ยงก็เปลี่ยนเป็นชื่อข้าวหอม พอเข้าสู่ปี 2559 คุณเก๋ และคุณบัวขาว ก็ซื้อบ้านอยู่ด้วยกันใกล้ๆกับค่ายบัญชาเมฆ”
 
“แต่ระยะหลังเข้าใจว่าคุณบัวขาวมีภารกิจ มีงานเยอะ มีทั้งชกในประเทศ ต่างประเทศ ก็เลยไม่ค่อยได้มาหาลูก และครั้งสุดท้ายที่คุณบัวขาวติดต่อลูกมาก็คือช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2564 แต่ก็ไม่ได้มาอีกเลยนะครับจนถึงทุกวันนี้ ก่อนหน้านี้คุณเก๋เคยติดต่อกับคุณบัวขาวว่าให้มาจดทะเบียนรับรองบุตรให้หน่อย แต่ทางคุณบัวขาวก็ยังนิ่งเฉย”
 
“ในการที่เรามาฟ้องคดีนี้ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เรื่องนี้ผมทำการบ้านมา 1 อาทิตย์เต็มๆ ว่าจะออกมาพูดอย่างไรเพื่อให้บัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น ซึ่งเรื่องนี้มันจำเป็นต้องนำคดีนี้มาสู่ศาล มันเป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้ เพราะก่อนหน้านี้เราติดต่อเขาไปว่าให้มาจดทะเบียนรับรองบุตรหน่อย แต่เขาไม่จด อย่างไรก็ตามผมก็หวังว่าครอบครัวของคุณบัวขาว กับคุณเก๋ จะกลับมาและตกลงกันด้วยดี” ทนายอนันต์ชัย กล่าวทิ้่งท้าย