“ไฮโซแชมป์” ทนไม่ไหว! เผยภาพคนงานถูกขังไม่ให้ออกจากแคมป์ที่ใกล้จุดระเบิดเพียง 1 กม. ต้องทนสูดสารพิษจนตาแดง คนเหมือนกันทำไมต้องทำแบบนี้ วอนรัฐปล่อยตัวคนงาน 136 คนและเด็ก 30 คนไปอยู่ในที่ปลอดภัย อาสาออกค่าใช้จ่ายสร้างที่อยู่ให้ชั่วคราวให้

“ไฮโซแชมป์” จิรัฏฐ์ เพชรนันทวงศ์ นักธุรกิจคนดัง พร้อมกับ น้ำเพชร ฏีญาร์ภา กฤษณสุวรรณ , ขุน ชานนท์ , ลิตา คาลิยา และโบกัสซุปตาร์ รวมกลุ่มกันลงพื้นที่นำสิ่งของอุปโภคบริโภคไปช่วยเหลือคนงานแคมป์ก่อสร้างที่ถูกเจ้าหน้าที่ปิดล็อกแคมป์ไม่ให้ออกไปไหนตามมาตรการควบคุมโควิด แต่บริเวณพื้นที่ดังกล่าวอยู่ติดกับโรงงานหมิงตี้ จุดระเบิดเพียง 1 กม. ทำให้คนงาน 136 คนต้องทนสูดควันพิษจนตาแดง ไม่สามารถอพยพไปจากจุดดังกล่าวเหมือนคนอื่นๆ ได้ โดยแชมป์ได้โพสต์ภาพดังกล่าวลงในอินสตาร์แกมส่วนตัว

พร้อมกับเผยว่า เห็นภาพดังกล่าวแล้วสลดใจมากที่คนงานเหล่านั้นต้องโดนขัง และในระหว่างที่คุยกับคนงานก็เกิดเหตุระเบิดขึ้น เห็นกับตาเลยว่ามันอยู่ใกล้แคมป์คนงานมากๆ คนเหมือนกันทำไมต้องทำแบบนี้ ในเมื่อคนอื่นอพยบออกไปได้ ก็ควรให้คนงานออกไปได้ด้วย แถมในนี้ยังมีเด็กอยู่อีก 30 กว่าคน โตขึ้นจะเป็นอย่างไรต้องทนสูดสารพิษขนาดนี้ ขนาดตนยืนอยู่ไม่กี่ชั่วโมงยังคันไปทั้งตัว ฝนก็ตกลงมายิ่งคัน กลับบ้านต้องมากินยาแก้แพ้

เรียกร้องให้รัฐบาลปล่อยตัวคนงานออกจากแคมป์ ย้ายไปจุดอื่นโดยเร็วที่สุด ขอแค่ที่ว่างเปล่าให้คนเหล่านี้อยู่ ตนเองและเพื่อนยินดีจะออกค่าใช้จ่ายสร้างที่พักชั่วคราวให้ และจัดหารถรับส่งให้ ขอแค่ให้อนุญาติให้คนงานออกไปจากที่นี่เท่านั้น

ด้าน “น้ำเพชร” เองก็ได้ไลฟ์สดตอนที่นำของเอาไปมอบให้และเจรจากับเจ้าหน้าที่เพื่อขอให้คนงานได้ออกมารับสิ่งของที่นำมาบริจาคให้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ให้คนงานนำรถกระบะออกมารับของ

“เห็นแล้วมันสลดใจมากๆ ครับ วันนี้ผมกับเพื่อนๆ รวมตัวกันเอาข้าวสารอาหารแห้ง น้ำดื่ม หน้ากาก ข้าวกล่องไปให้คนงานในแคมป์ที่ถูกเจ้าหน้าที่ทหารปิดล็อกไว้ไม่ให้ออกมา เขาเอาโซ่มาคล้องเอากุญแจมาล็อกเลยนะครับ เข้าใจนะครับว่าสถานการณ์โควิดแต่ทำไมต้องให้เขามาทนอยู่ในนี้ซึ่งมันใกล้กับจุดที่เกิดระเบิดประมาณ 1 กม. มีควันพิษเต็มไปหมด”

“เห็นหน้าตาพวกเขาแล้วมันเศร้ามากๆ ผมยืนอยู่ตรงนี้ไม่กี่ชั่วโมงยังคันเลย แล้วเขาอยู่ตรงนี้มากี่วันแล้ว ตาเขาแดงไปหมดแล้ว ขณะที่ผมคุยกับคนงานอยู่ก็เกิดเหตุระเบิดขึ้นมันใกล้มากๆ ระเบิดมันเกิดขึ้นตรงหน้าเขาเนี่ยแต่เขาหนีไปไหนไม่ได้ต้องโดนคุมอยู่อย่างนั้น ผมยืนอยู่ตรงนี้ไม่กี่ชั่วโมงยังคันเลย แล้วนี่เขาอยู่มากี่วันแล้ว”

“มันใกล้มากใกล้เกินไป น่าสงสาร มีเด็กในนั้นด้วย 30 คน ต้องโดนขังอยู่ในนั้น ทำไมไม่ย้ายไปอยู่ที่อื่นชั่วคราวเราก็ถามว่าเขาเป็นยังไงบ้าง เขาก็บอกว่า เขาอดทนได้ ผมฟังแล้วเศร้ามากๆ สลดใจมาก แววตาของเขาคือเขาไม่มีความหวัง เงินก็ไม่มี ให้ออกไปก็ไม่รู้จะไปอยู่ตรงไหน ออกไปก็ไม่รู้จะได้กลับมาทำงานได้หรือเปล่า คนจ้างงานจะจ่ายเงินให้ไหม รัฐให้อยู่เขาก็ต้องทนอยู่ทั้งที่ไม่ปลอดภัย”

“มันหดหู่ใจมาก พูดจากใจเลยนะครับ น่าสงสารมากๆ เขาก็เป็นคนเหมือนกัน ทำไมทำกันแบบนี้ หน่วยงานไหนก็ได้ช่วยมาดูแลมาตรวจสอบด้วย จะขังพวกเขาไว้แบบนี้ไม่ได้ คน 136 ใช้รถแค่ไม่กี่คันก็ขนย้ายได้แล้ว ช่วยย้ายเขาไปในที่ปลอดภัยก่อนได้ไหม ตรงจุดนั้นไม่มีใครเข้าไปดูเลย มีผมกับเพื่อนๆ เข้าไปทีมแรก พอเห็นสภาพเขาเป็นแบบนั้นเราก็ออกไปซื้อน้ำเกลือมาให้เขาล้างตา เพราะน้ำเปล่าล้างไม่ได้แน่ๆ แล้วก็ซื้อนมซื้ออะไรมาเพิ่มเพราะเห็นว่ามีเด็กๆ อยู่ที่นั่นด้วย”

“เขาอยู่ที่นั่นเหมือนโดนขัง ล่ามโซ่ปิดคล้องเอากุญแจมาล็อก ในขณะที่ประกาศให้คนอื่นอพยพแต่เขาอพยพไปไม่ได้ บ้านผมก็อยู่แถวนั้นอพยพกันวันก่อนรถติดมากกว่าจะออกมาได้ แต่เขาไม่มีสิทธิ์ออกเลย แล้วจิตใจเขาจะเป็นยังไง คนอื่นเลือกได้หนีได้แต่เขาหนีไม่ได้ แต่เขาก็ทนไม่รู้จะทำยังไงกับชีวิต ถ้าออกไปจากนี้จะหางานทำที่ไหน จะหาอะไรกิน ทหารที่มาคุมก็น่าสงสารนะครับ เขาก็ทำตามหน้าที่ คนที่ต้องจัดการเรื่องนี้คือรัฐบาล”

“เข้าใจนะว่าโควิดเขาไม่ควรย้าย แต่ตอนนี้มันเกิดเหตุการณ์อันตรายสำหรับเขาแล้ว ควรย้ายเขาออก แค่หายใจก็อันตรายแล้ว ผมกับเพื่อนๆ ขออาสาสร้างที่พักชั่วคราวให้กับเขา ขอให้ทางรัฐย้ายกลุ่มนี้ออกไปได้ไหม พวกเราขอออกค่าใช้จ่ายค่าสร้างที่อยู่ให้เขาชั่วคราว รวมไปถึงเรื่องรถที่จะขนไป แต่ขอทางรัฐอนุญาตให้ได้ย้ายเขาออกไปก่อน และขอเจ้าหน้าที่สาธารณสุขมาดูแลสุขภาพเขาด้วย”