ยอดผู้กำกับชาวอเมริกันเผยสาเหตุ ที่เขาจะไม่ให้เงินแม่ตัวเองแม้แต่เหรียญเดียว เพราะสิ่งที่แม่ทำกับเขาเอาไว้ในวัยเด็กนั่นเอง
เควนติน แทแรนติโน เล่าเรื่องนี้ระหว่างให้สัมภาษณ์กับพ็อตแคส The Moment ระหว่างการเดินสายโปรโมท Once Upon a Time in Hollywood ฉบับนิยายที่กำลังออกวางจำหน่ายในช่วงนี้
เควนติน แทแรนติโน ที่เป็นทั้งผู้กำกับ และ นักเขียนบทที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งในฮอลลีวูดยุคนี้ บอกว่าในช่วงที่เขากำลังจะฝึกฝนการเขียน แล้วพยายามเขียนบทภาพยนตร์ของตัวเอง แม่ไม่เคยให้กำลังใจอะไรเลย แถมยังดูถูกดูแคลนว่าเขาไม่มีวันประสบความสำเร็จกับอาชีพนี้อย่างแน่นอน
โดยยอดผู้กำกับ เจ้าของรางวัลออสการ์บอกว่าแม่ของเขาบอกในตอนนั้นว่า “งานเขียนกระจอก ๆ ที่ลูกทำอยู่เนี่ย ไม่มีวันประสบความสำเร็จหรอก”
“ตอนแม่พูดเสียดสีไปแบบนั้นผมคิดในใจเอาไว้เลย ว่าถ้าประสบความสำเร็จขึ้นมา แม่ไม่มีวันจะได้สักเหรียญจากผม จะไม่มีการซื้อบ้านให้ ไม่มีการออกเงินให้ไปเที่ยว ไม่มีรถคันใหม่ แม่จะไม่ได้อะไรเลยเพราะแม่พูดแบบนั้น”
เควนติน แทแรนติโน ยืนยันว่าปัจจุบันในวัย 58 ปี เขายังคงยึดมั่นกับคำสาบานในวันนั้น แน่นอนว่าในฐานะลูก ถ้าแม่มีปัญหาอะไรเขาก็พร้อมช่วย แต่ไม่มีการซื้อบ้าน ไม่มีการซื้อรถอย่างแน่นอน
โดย ไบรอัน คอปเพลแมน เพื่อนร่วมอาชีพของ เควนติน และเป็นผู้จัดพ็อตแคส The Moment ได้พยายามโน้มน้าวให้เขาเปลี่ยนใจ แต่ เควนติน ก็ยังยืนยันคำเดิม “นี่คือผลของคำพูดที่พูดกับลูกตัวเอง จำเอาไว้เลย ว่าการพูดเสียดสี ถึงสิ่งที่สำคัญมาก ๆ กับลูกก็จะได้รับผลแบบนี้แหละ”
นอกจากยืนยันว่าเขาจะไม่ใช้เงินซื้อความสุขให้กับแม่แล้ว เควนติน แทแรนติโน ก็ยังพูดมาตลอดเมื่อเขาขอไม่ยุ่งเกี่ยวใดๆในชีวิตกับพ่อของตัวเองอีก เพราะพ่อไม่เคยเลี้ยงดูอะไรเขาเลยนะทิ้งไปตั้งแต่เด็ก
“ผมไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาแล้ว” เควนติน แทแรนติโน บอก “ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ก็ไม่อยากจะใช้นามสกุลของเขาด้วย ถ้าย้อนเวลาได้จริงๆผมอยากจะใช้ชื่อกลางเป็นนามสกุลมากกว่า ซึ่ง จะทำให้ผมชื่อว่า เควนติน เจอโรม”
โทนี แทแรนติโน ที่ใช้ชีวิตเสเพลมาตั้งแต่วัยหนุ่ม จนมีลูกโดยไม่ตั้งใจ แทบไม่เคยเลี้ยงดู เควนติน เลย โดยหลังลูกประสบความสำเร็จในวงการภาพยนตร์ ก็ทำให้เขาที่เป็นพ่อพลอยได้งานแสดงไปด้วย
ซึ่งตัวของ เควนติน พูดถึงเรื่องนี้ว่า “เรื่องของเรื่องคือ ผมไม่เคยรู้จักเขา รู้ว่าเขาอยากเป็นนักแสดง และตอนนี้ก็ได้เป็นแล้ว ด้วยเหตุผลเดียวเลย คือการมีนามสกุลเดียวกับผม แต่เขาไม่เคยเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผม ผมไม่รู้จักเขาเขาและไม่มีวันจะเจอเขา”