ผลวิเคราะห์ของบรรดานักวิชาการสหราชอาณาจักรที่เผยแพร่โดยกลุ่มที่ปรึกษาอย่างเป็นทางการด้านวิทยาศาสตร์ของรัฐบาลสหราชอาณาจักร เชื่อว่า “เกือบจะแน่นอน” ที่จะเกิดการอุบัติขึ้นของตัวกลายพันธุ์หนึ่งของ SARS-Cov-2(ไวรัสที่เป็นต้นตอของโควิด-19) ซึ่งจะมอบความล้มเหลวแก่วัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบัน พร้อมแนะนำเจ้าหน้าที่ลดการแพร่เชื้อให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อลดโอกาสเกิดตัวกลายพันธุ์ใหม่ที่ดื้อต่อวัคซีน
มุมมองดังกล่าวแสดงอยู่ในเอกสารที่จัดทำโดยบรรดานักวิชาการ บนสมมุติฐานต่างๆนานาเกี่ยวกับวิวัฒนาการระยะยาวของ SARS-Cov-2 ซึ่งถูกหยิบยกไปปรึกษาหารือและเผยแพร่โดยกลุ่มที่ปรึกษาทางวิทยาศาสตร์สำหรับเหตุฉุกเฉินของสหราชอาณาจักร (Scientific Advisory Group for Emergencies – SAGE)
อย่างไรก็ตามการวิเคราะห์ในเบื้องต้นที่ยังไม่ผ่านการทบทวนโดยผู้เชี่ยวชาญ(peer-reviewed) เป็นเพียงหลักทฤษฎีและไม่ได้มีข้อพิสูจน์ใดๆว่าตัวกลายพันธุ์ลักษณะดังกล่าวกำลังวนเวียนอยู่ในตอนนี้
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่าเอกสารดังกล่าวลงวันที่ 26 กรกฎาคมและเผยแพร่โดยรัฐบาลสหราชอาณาจักรในวันศุกร์(30ก.ค.)
บรรดานักวิทศาสตร์เขียนว่าสืบเนื่องจากการขุดรากถอนโคนไวรัสดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ พวกเขาจึงเชื่อมั่้นเป็นอย่างสูงว่าตัวกลายพันธุ์จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเกือบแน่นอนว่าจะค่อยๆเกิดเปลี่ยนแปลงของแอนติเจน ที่ท้ายที่สุดจะนำมาซึ่งความล้มเหลวของวัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบัน พวกเขาแนะนำให้เจ้าหน้าที่ลดการแพร่เชื้อให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อลดโอกาสเกิดตัวกลายพันธุ์ใหม่ที่ดื้อวัคซีน
บรรดานักวิทศาสตร์ยังแนะนำการวิจัยวัคซีนใหม่ อย่ามุ่งเน้นเพียงป้องกันการป่วยหนักเข้าโรงพยาบาลและการติดเชื้อเท่านั้น แต่มันควรนำมาซึ่งภูมิคุ้มกันแบบเยื่อเมือกในระดับสูงและทนทาน นอกจากนี้พวกเขาระบุด้วยว่าเป้าหมายควรเป็นการลดการติดเชื้อและแพร่เชื้อจากบุคคลที่ฉีดวัคซีนแล้วเช่นกัน
ทั้งนี้หลายบริษัทกำลังดำเนินการวิจัยสำหรับผลิตวัคซีนโควิด-19 ที่สามารถจัดการกับตัวกลายพันธุ์ใหม่ๆได้
ในเอกสารระบุว่าตัวกลายพันธุ์บางตัวที่อุบัติขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่นมา ได้ลดภูมิคุ้มกันจากการได้รับวัคซีน แม้ยังไม่มีตัวไหนเล็ดลอดการดักจับของวัคซีนไปได้ทั้้งหมด
อย่างไรก็ตามพวกเขาเตือนว่าตัวกลายพันธุ์เหล่านั้นปรากฏตัวขึ้นก่อนมีการฉีดวัคซีนอย่างกว้างขวาง และพอมีการฉีดวัคซีนกว้างขวางขึ้น ไวรัสตัวหนึ่งๆที่สามาถหลบหลีกภูมิคุ้มกันจากการได้รับวัคซีนก็จะฉวยโอกาสแพร่เชื้อเพิ่มขึ้น ซึ่งในประเด็นดังกล่าวทาง SAGE เคยออกมาเตือนก่อนหน้านี้แล้ว
ในรายงานจากที่ประชุมเมื่อวันที่ 7 กรกฏาคม บรรดานักวิยาศาตร์ของ SAGE ระบุว่าการผสมผสานกันระหว่างความชุกของผู้ติดเชื้อในระดับสูงกับอัตราผูุ้ฉีดวัคซีนในระดับสูง ก่อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่มีความเป็นไปได้อย่างที่สุดว่าตัวกลายพันธุ์ที่สามารถเล็ดลอดภูมิคุ้มกันตัวหนึ่งๆจะอุบัติขึ้น พวกเขาบอกในตอนนั้นว่า “ยังไม่ทราบว่ามันมีโอกาสเกิดขึ้นมากน้อยแค่ไหน แต่ตัวกลายพันธุ์ดังกล่าวจะความความเสี่ยงอย่างมากทั้งในสหราชอาณาจักรและนานาประเทศ”