“นรก” ไม่ได้เป็นแค่ชื่อน้ำพริก และไม่ได้เป็นสถานที่หลังความตายตามความเชื่อทางศาสนา แต่มันถูกเรียกแทน หลุมก๊าซธรรมชาติดาร์วาซา (Darvaza) ซึ่งเกิดการลุกไหม้มานานกว่า 50 ปี โดยมนุษย์ได้ขนาดนามสถานที่ที่อยู่บนดินแห่งนี้ว่า “ประตูสู่นรก” (Gateway to Hell)
สถานที่ที่ถูกเปรียบเทียบจากความน่ากลัวและไฟที่ลุกไหม้อยู่ตลอดเวลาแห่งนี้ ตั้งอยู่ใกล้หมู่บ้านดาร์วาซา จังหวัดอาฮาล ประเทศเติร์กเมนิสถาน ห่างจากกรุงอาชกาบัต เมืองหลวงของเติร์กเมนิสถานไปทางเหนือประมาณ 260 กิโลเมตร เชื่อกันว่าสถานที่แห่งนี้เกิดจากความผิดพลาดระหว่างที่วิศวกรกำลังขุดเจาะสำรวจน้ำมันในยุคสหภาพโซเวียต แต่ดันขุดไปเจอโพรงที่เต็มไปด้วยก๊าซ จนทำให้พื้นดินจุดที่ตั้งแท่นขุดเจาะนั้นยุบลงไปเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่ กว้าง 69 เมตร และลึก 30 เมตร
ใน พ.ศ.2514 หลังจากเกิดหลุมยุบพังถล่ม เพื่อป้องกันไม่ให้ก๊าซอันตรายแพร่กระจายออกไป พวกวิศวกรโซเวียตจึงตัดสินใจจุดไฟขึ้น โดยหวังว่าก๊าซคงจะถูกเผาไหม้หมดไปในเวลาแค่ไม่กี่วัน แต่ผลปรากฏว่าไฟได้ลุกโชติช่วงต่อเนื่องตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน แถมทางการเติร์กเมนิสถานก็ยังหาวิธีดับไฟไม่ได้สักที
ก่อนหน้านี้ใน พ.ศ. 2553 ประธานาธิบดีคนเดิมนี้ก็เคยมีข้อสั่งการให้ปิดหลุมแก๊สนี้มาแล้วเพราะเกรงจะมีผลกระทบกับแหล่งน้ำมันและแก๊สธรรมชาติในเขตข้างเคียง แต่ต่อมาในปี พ.ศ. 2556 เขาได้ประกาศให้บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่สงวนทางธรรมชาติแทน และกลายเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวมีชื่อเสียงที่สุดของเติร์กเมนิสถาน โดยเปิดให้เข้าชมเฉพาะช่วงเย็นไปจนถึงกลางคืน เพื่อให้ผู้มาเยือนได้เห็นเปลวไฟภายในหลุมอย่างชัดเจน และต่อมาได้รับการตั้งชื่ออย่างเป็นทางการเมื่อ พ.ศ.2561 ว่า “ประกายแสงแห่งทะเลทรายการากุม” (Shining of Karakum)
ด้วยความที่หลุมแห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางทะเลทรายเวิ้งว้าง และมีไฟลุกไหม้โชติช่วงอยู่เบื้องล่าง จึงดูลึกลับ น่ากลัวและอันตราย ชวนให้นึกถึงไฟนรกในจินตนาการ สมชื่อ “ประตูสู่นรก” ที่หลายคนเรียกกันติดปากมากกว่าชื่อ “ประกายแสงแห่งทะเลทรายการากุม” ชื่อทางการที่ตั้งใหม่ภายหลัง