ขึ้นชื่อว่า “ไทย” นอกจากอาหารไทย ภาษาไทย ศิลปะไทย แมวไทย อีกอย่างหนึ่งที่ชาวต่างประเทศรู้จักคือ “มวยไทย” นี่คือเอกลักษณ์ทั้งศิลปะและการต่อสู้ที่มาพร้อมๆ กัน เป็นของเก่าแก่ เป็นของมีครู เป็นการต่อสู้อันเยี่ยมยุทธ์ไม่แพ้ศิลปะป้องกันตัวชาติอื่น แต่ละปี มีชาวต่างชาติจำนวนไม่น้อย เดินทางมาเพื่อเรียนมวยไทย แล้วใช่ว่าทางรัฐบาลจะละเลยการเผยแพร่ศิลปะการต่อสู้อันทรงคุณค่านี้ รู้หรือไม่ ประเทศไทยของเรา มี “ทูตมวยไทย” ด้วยนะ
.
เขาคนนี้คือ “วิทวัส ค้าสม” หรือที่รู้จักกันในนาม “ครูดิน” ครูมวยไทยผู้ก่อตั้ง “ค่ายลานนาไฟท์ติ้งมวยไทย” ค่ายมวยชื่อดังแห่ง จ.พะเยา บุรุษผู้มีหมัดเท้าเข่าศอกชั้นครู จนได้รับมอบหมายบทบาทหน้าที่ที่ได้รับ ที่อาจเทียบได้กับทูตวัฒนธรรม เพราะเขาได้มีโอกาสร่วมงานกับกระทรวงการต่างประเทศ ในการเผยแพร่หนึ่งในเอกลักษณ์ประจำชาติ นั่นก็คือ “มวยไทย”


.
“ในปี 2555 กระทรวงการต่างประเทศ เขาทำโครงการ roadshow มวยไทย ก่อนหน้านั้นเขาทำโครงการวัฒนธรรมไทย เป็นอาหารไทย นาฏศิลป์ไทย แต่ปีนั้นเขาทำมวยไทยพอดี ปีแรกที่เราไปบางคนก็ไม่รู้จักมวยไทยเลยนะ บางคนรู้จักในนามของ Thai boxing แต่เราพยายามจะบอกทุกคนว่า มวยไทยไม่ใช่ Thai boxing เราอยากให้ใช้ชื่อเฉพาะเหมือนเทควันโด เราไม่ได้เรียกว่า Korean boxing กังฟูเราก็ใช้ชื่อกังฟู ไม่ได้ใช้ชื่อว่า Chinese boxing ในช่วงแรกเขาก็ถามจะทำยังดี เริ่มปรึกษาว่าไปโซนนี้ดีมั้ย ผมจะรู้ตัวก่อนประมาณ 1-2 เดือน ให้ส่งพาสปอร์ตไปทำวีซ่า ผมก็บอกว่า เราน่าจะมีการสอนสำหรับคนที่ไม่รู้จักมวย เพราะมองว่าจะไปเผยแพร่มวย ถ้าเราไปเฉพาะคนที่เขาชอบมวยอยู่แล้ว มันก็ไม่มีประโยชน์มากเพราะคนกลุ่มนี้ยังไงเขาก็ต้องเรียนมวย เราควรจะมีการจัดงานที่ไปหาคนที่ไม่ชอบมวย ไม่รู้จักมวย เราทำให้คนกลุ่มนี้มาสนใจมวยไทยด้วย หลังจากที่เราสอนมวยเสร็จ เป็นห้างฯหรือสวนสาธารณะ เราก็จะเชิญคนดูขึ้นมาบนเวที หรือถ้าคนเยอะๆ เราก็อาจจะทำด้านล่างเวที ให้ครูมวยของเราช่วยกันสอนและผมก็นำ บางทีก็เป็น 100-200 คนครับ ก็เป็นอีกกลุ่มนึง กลุ่มที่ไม่รู้จักมวยไทย ก็เพิ่มเข้ามา”


.
ไม่น่าเชื่อว่า มีคนสนใจเรียนมวยไทยมากและหลากหลาย นอกจากทุกเพศทุกวัย ชายหญิง เด็ก ผู้ใหญ่ ยังมีผู้พิการ ทหาร และอาชีพอื่นๆ สนใจมาเรียนกันมากจนครูดินต้องออกแบบการสอนให้เหมาะ อีกทั้งยังต้องทำการบ้านการสอนในแต่ละประเทศอีกด้วย
.
“จะไปสอนมวย เราต้องดูด้วยว่าประเทศนั้นเขาต้องการอะไร จะไปสอนเด็ก เราก็ต้องศึกษาว่า กฎหมายที่เกี่ยวกับเด็ก ขอบเขตที่เราจะแสดงหรือเราจะพาเด็กไปมันเป็นยังไงบ้าง ต่อไปก็มีเรื่องของฝึกทหาร การที่จะไปฝึกทหาร เราจะเอามวยไทยแบบบนเวทีมวยเลยไปสอน บางทีมันไม่ได้ใช้ มันใช้คนละแบบ เราก็ต้องดูว่ามวยไทยอะไรที่เป็นการต่อสู้ป้องกันตัวจริงๆ เราก็ต้องไปคิดมา”
.
แต่ความน่าสนใจยิ่งคือ ครูดินได้สอน “มวยไทย” ให้ “คนพิการ” อันนี้อยากให้ครูดินเปิดเผยประสบการณ์แปลกนี้ โดยเจ้าตัวได้เล่าวว่า
.
“สอนคนพิการ อันนี้คือสุดยอดแล้ว ถ้าเกิดเราอยากจัดโครงการไปต่างประเทศ ในทีมต้องมีโชว์ อันนี้เป็นจุดเด่นของผมอีกอย่าง เราก็ไปโชว์ให้คนพิการได้ดูว่ามันเป็นอย่างนี้นะ เขาก็สนุก เขาก็มีความสุข แล้วเราก็เข้าไปสอนเขาฟันศอก เราไปสอนเขาในเรื่องของมวย เสร็จแล้วเขาจะมีกิจกรรมที่เขาเก่ง เราก็ไปเล่นกับเขา เช่น เล่นกีฬาบอคเซีย วาดภาพ ตอนแรกเขาคิดว่าการสอนมวยคือเรามุ่งไปที่คนอยากเรียนมวยเลย เราก็ไปฝึกคนที่อยากเป็นนักมวย แต่ทุกที่ที่เราไป คนเก่งๆ เลยจะไม่มาเพราะเขาคิดว่าเป็นแล้ว หรือบางทีอาจจะไม่รู้ อีกอย่างบางประเทศผมไม่ได้เป็นคนมีชื่อเสียงระดับเป็นแชมป์ เขาก็อาจจะไม่มา”


.
อีก 1 ประสบการณ์สุด exclusive คือการได้มีโอกาสเผยแพร่วัฒนธรรมมวยไทยแก่บุคคลระดับสูง ไม่ว่าจะเป็นคนสนิทของชีคแห่งการ์ตา รวมไปถึงเจ้าหญิงของจอร์แดน
.
“ตอนปี 59 เขาก็บอกว่าเราไปตะวันออกกลางบ้างมั้ย สิ่งที่เป็นกุญแจสำคัญอีกอย่างคือ ท่านทูตและสถานทูตไหนที่ตอบรับโครงการที่เขาเสนอไป ปีนั้นกาตาร์ คูเวต โอมาน เขาก็ขานรับ ก็ไปที่กาตาร์ก่อน เขาบอกว่าที่นั่นจะมีการขอลงนวม จะมีแขก VIP ของเขาอยากที่จะต่อยมวย ผมก็เตรียมไป ปรากฏว่าคนที่เขาอยากต่อยเป็นคนสนิทของชีค น้ำหนักเขาตรงกับผมพอดี ตกลงเอาครูดินนี่แหละต่อย พอเขารู้ว่าเป็นผม เขาก็ไม่ต่อย เขาบอกว่าไม่สบาย แล้วก็ส่งครูมวยที่เขาจ้างมาจากอินโดฯ มาต่อยกับผม ที่นี้ก็ไปที่คูเวต VIP เหมือนกัน เป็นพวกเศรษฐีน้ำมัน หลังจากนั้นเราเริ่มรู้จักพวกที่เป็นตะวันออกกลาง”
.
นั่นคือประตูบานแรกแห่งโลกอาหรับของครูดิน
.
“ต่อไปเป็นปี 60 โครงการนี้เขาไปที่อิสราเอลและจอร์แดน เขามีโครงการก็เชิญเจ้าหญิงมา เขาฝึกมวยอยู่แล้ว พอเราไปเขาก็มาร่วม แต่เขาก็เป็นกันเองมาก ตรงนี้เราก็ต้องคุยกับทีมงานว่า พอเราไปเจอเจ้าหญิง ต้องสุภาพ ต้องนุ่มนวล ต้องถนอมเขาแล้วเขาก็คุยกับทางฝ่ายไทยเรียบร้อย หลังจากนั้นทางฝ่ายไทยก็ได้ไปทานข้าว ไปร่วมอะไรในวังเขาเรียบร้อยครับ”
.
7 ปี ท่องโลกเกือบ 40 ประเทศ
.
“ไปมาทั่วโลกเลย 7 ปี ประมาณ 38 ประเทศ ไม่คิดว่าจะได้ไปก็ได้ไป เบสิกเลย 1 ทริปเล็กๆ 10-15 วัน ถ้าไปหลายประเทศ อาจจะประเทศละ 3 วัน บางประเทศต้องไป 2-3 เมืองก็มี ผมไปตุรกีมีเวลา 5 วัน ผมไป 4 เมือง ไปถึงเมืองนี้สอนเสร็จ เย็นเก็บของไปอีกเมืองไม่ได้เข้าโรงแรมเลยก็มี เก็บของ เปลี่ยน เหนื่อยมากแต่ก็สนุก ลำบากนิดนึงแต่มันคือประสบการณ์”
.
ตลอดระยะเวลา 7 ปี ในการทำงานและเดินทางไปรอบโลก มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นในทุกทริปที่ไปเยือน โอกาสนี้ครูดินได้ขอยกบางช่วงบางตอนของประสบการณ์สุดพิเศษ มาแบ่งปันให้ได้รับทราบกัน

.


“ทริปนั้นเราไปชิลี บราซิล เม็กซิโก ไปถึงชิลีเดินทาง 48 ชั่วโมง ไปถึงก็สอนเลย สอนทหาร อากาศ 7 องศา กลับมาลงริโอฯ(ริโอเดอจาเนโร) สวรรค์เลย เจอทะเล ที่ริโอฯเราไปสอนในสลัมยาเสพติด เวลาไปสลัมเขาบอกว่าอย่าถ่ายรูปนะ ห้ามเดินเถลไถล ต้องมีคนคุมเพราะในนั้นเด็กถือปืนนะครับ แต่ในนั้นมีโครงการต่อต้านยาเสพติดอยู่ในโซนของมาเฟีย
.
แต่ฝรั่งเขาไม่เหมือนเรา เราแก้ปัญหาเด็กตีกันเอาเด็กไปนั่งฟังธรรมะ ใจมันไม่สงบหรอก แต่พวกนี้แก้ปัญหาให้เด็กฝึกศิลปะการต่อสู้ มันจะได้เตะต่อยกันให้มันจบไปแต่ safety เราก็ไปสอนในสลัม สนุกมาก เด็กในสลัมชอบ บางคนเราเห็นแต่งตัวถือปืน ซักพักนึงใส่ชุดมวยมาฝึกกับเรา (หัวเราะ) กลับมาพักผ่อน จบงานริโอฯสุดยอดมาก
.
อีกวันนึงเราจะย้ายไปเซาเปาโลแล้ว ต้องบินกลางคืน เขาก็บอกว่าบ่ายนี้ใครจะพักก็พัก ใครจะไปทะเลก็ไป คลื่นสูงสวยงามมาก ผมบอกว่าผมนอน เพราะผมเป็นคนไม่ชอบเที่ยว ก็มีกลุ่มที่เขาไปกัน มีเจ้าหน้าที่นักการทูตคนนึง แล้วก็นักมวยผม 2 คน ไปเล่นน้ำทะเลกัน นักการทูตเขาก็ว่ายน้ำไป นักมวยผมคนนึงเขาไม่ลงน้ำ นั่งเฝ้าของ”
.
ครูดินเผยเรื่องราวสุดระทึก เพราะดันมีมิจฉาชีพมาขโมยของสำคัญของหนึ่งในนักการทูต กลายเป็นเป็นภารกิจตามหัวขโมยทั่วเมืองในทันที
.
“แต่มีมิจฉาชีพมันเห็นมือถือวางอยู่ มันก็ทำมาเป็นขายของ แล้วก็สอดมือไปหยิบมือถือเขาใส่กระเป๋าไป เจ้าของมือถือที่เป็นนักการทูตเขามาพอดี เขาเห็นว่ามันเอาอะไรใส่กระเป๋าไป มือถือเขามันก็เก่าแล้ว ถ้าจะโดนขโมยไปเขาก็ไม่มีปัญหา แต่ว่ารูปในทริปมันอยู่ในมือถือนั้นทั้งหมด มันคืองานของเขา เขารับผิดชอบงานทั้งหมด ไอ้นั้นมันรู้ว่าเรารู้ตัวก็วิ่งไปเลย
.
นักการทูตก็ใส่แต่กางเกงว่ายน้ำตัวเดียวแล้วถอดเสื้อ เขาก็วิ่งไล่เลยแล้วบอกนักมวยให้เฝ้าของ แทนที่เขาจะให้นักมวยไปวิ่งไล่ (หัวเราะ) เขาใจถึงมากผมชื่นชมเลย ไปวิ่งไปแม่ค้าก็บอกทางนู้นๆ เหมือนในหนังเลยเขาบอก วิ่งไล่กันทั่วริโอฯ จนท้อแล้วว่าไม่ได้คืน ซักพักนึงมีรถตำรวจจับโจรนั่นขึ้นรถ แล้วเขาก็บอกว่าคนนี้ใช่มั้ยที่ขโมยของของคุณ ก็พาขึ้นรถไปด้วยกัน
.
ในบราซิลพวกนี้มันกล้าที่จะทำ เพราะว่านักท่องเที่ยวถ้าเกิดคดีขึ้นมาเขาต้องไปชี้ตัวในศาล บางทีนักท่องเที่ยวเขาก็ปล่อยผ่านเพราะเขาขี้เกียจไปโรงพัก แต่พอดีของเราเป็นเจ้าหน้าที่นักการทูตเลยรีบเคลียร์ เขานัดกัน 15.00 น. ผมลงมาแล้วไม่มาซักคน ผมว่ามันต้องเกิดเรื่องแน่นอน เพราะเจ้าหน้าที่ของกระทรวงเขาจะไม่มีช้า ซักพักนึงก็มา เก็บของกันแล้วก็ไปเซาเปาโลต่อเลย (หัวเราะ) ในทริปมวยเรียกว่าร่วมทุกข์ร่วมสุข ร่วมเป็นร่วมตายกันหลายเรื่องเลยครับ”
.
แล้วถ้าคนมีของ เจอคนมีของ คือหากครูมวยไทยไปเจอครูศิลปะป้องกันตัวอย่างอื่นล่ะ? ครูดินจะจัดการสถานการณ์นี้อย่างไร
.
“เป็นจุดสำคัญมาก ศิลปะการป้องกันต่อสู้เหมือนศักดิ์ศรีของชาติชาตินึงอย่างไปจีน ผมบอกตลอดว่า ขอร้องทุกคนอย่าพูดว่ามวยไทยคือศิลปะการต่อสู้ที่ดีที่สุดในโลก ห้ามพูดเด็ดขาด กังฟูเขามีมากี่ร้อยปี เขาก็รู้สึกยังไง จริงๆ ศิลปะการต่อสู้มันไม่อะไรดีกว่าใคร เพราะฉะนั้นเวลาผมไป ผมจะพูดกับเขาว่า วันนี้ผมไม่ได้มาสอนนะ เรามาแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกัน ผมแนะนำว่าของผมมีอะไรบ้าง ของคุณมีอะไรก็สอนมา บางโครงการเรามีเวลาสอนชั่วโมงเดียว จะสอนให้เขาเตะให้ถูกมันไม่ได้ เรามีหน้าที่สอนให้กว้างเกี่ยวกับมวยไทย ไม่ใช่ 1 ชั่วโมงให้เขาทำถูกเป๊ะ คุณมีหน้าที่ไปสร้างความนิยม ที่เหลือเขาต่อยอด มาไทยสิครับ ผมไม่ได้บอกว่าผมคือครูมวยไทยที่เก่ง ผมมีหน้าที่ทำให้คนสนใจมวยไทย จะมีคนต่างชาติที่ผมไปสอนที่ต่างประเทศกับคนที่ดูคลิปผมเขาจะติดต่อมา บอกว่าผมจะมาเรียนกับคุณได้มั้ย ผมก็บอกว่าผมอยู่พะเยา บางทีไม่สะดวก ถ้าคุณไปภูเก็ต ไปกรุงเทพมีที่ไหน ผมก็จะแนะนำเขาว่าควรจะไปที่ไหน หรือถ้าเขาอยากเรียนเรียนเข่า ไปเรียนค่าย FA Group เขาเน้นเข่า หรือคุณอยากได้เทคนิคดีๆ นักมวยซุปเปอร์สตาร์เยอะๆ คุณไปค่าย P.K.แสนชัยมวยไทยสิ กระทรวงการต่างประเทศเขาก็เห็นว่าผมเป็นแบบนี้ ทำให้เขาฟังเรา เราจะไม่พูดว่าถูกหรือผิด เราแค่จะบอกว่าทำยังไงให้มาแลกเปลี่ยนผสมผสานกันได้ครับ ต่อมามีโครงการอีกเขาก็ขอเราไปต่อ จากนั้นก็มีมาเรื่อยๆ”


.
หากจะว่ากันตามตรง ครูดินถือได้ว่าเป็นบุคคลที่คลุกคลีอยู่กับวงการมวยไทยมาอย่างยาวนาน จนกลายเป็นส่วนหนึ่งชีวิต ซึ่งสิ่งที่ทำให้เขาหลงใหลในศาสตร์มวยไทย ก็คือความเข็มแข็งและความสวยงามที่รวมกันได้อย่างกลมกลืน
.
“มวยไทยไม่ใช่การต่อสู้ที่เอาไว้ทำลาย มันมาจากการป้องกันตัว มันจะมีเรื่องของสวยงาม เคารพคู่ต่อสู้ เคารพครูบาอาจารย์ เคารพต่อตัวเอง เวลาต่อยกันเสร็จไหว้กัน ไม่มีการข่มกันจนเกินไป มันคือการถ่อมตัว เราไม่ใช่คนเก่งที่สุด เวลาสู้ไม่ประมาท นักมวยไทยต่อยกันมันจะรัดกุมมาก มีจังหวะที่ระวังตัวสุดยอด ทำให้เราไม่ประมาท
.
มวยไทยมันเป็นการต่อสู้ที่ง่ายที่สุด หมายความว่าใช้ง่ายมาก ถึงยังไงก็ใช้อย่างนั้น มาถึงก็ต่อย ก็เข่า ไม่ต้องลีลาเยอะ เป็นจุดที่ทำให้ชาวต่างชาติชอบ และความสวยงามของมวยไทยก็มาจากการที่มันไม่ยึดติด มันจึงเกิดอะไรใหม่ๆ ขึ้นมา แล้วในการออกอาวุธของมวยไทยจะใช้กล้ามเนื้อทุกส่วน
.
ความสวยงามอีกอย่างคือเรามีการไหว้ครู ตั้งแต่โบราณสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนเลยคือก่อนจะสู้ต้องไหว้ครูฝรั่งรอจนหลับเลย แต่ตอนหลังฝรั่งเขาบอกว่า คนไหนที่เก่งต้องไหว้ครูสวย ตอนนี้มันมีการแข่งไหว้ครูชิงแชมป์โลก ลูกผมก็ได้แชมป์โลกมา ตอนนี้แข่งออนไลน์ ทีมผมได้ทั้งหมด 9 เหรียญทอง ฝรั่งโกรธเลย (หัวเราะ)
.
มวยไทยมันเป็นอะไรที่แฝงไว้หลายเรื่องนะ ความสวยงาม ความยืดหยุ่น ความอ่อนน้อมถ่อมตัว ที่ทำให้ฝรั่งเขาหลงใหล ทั้งจิตใจนักมวยไทย บางทีจะแพ้อยู่แล้ว ไม่ยอมแพ้ ต่อยกันแทบเป็นแทบตาย สุดท้ายกอดกันเฉยเลย”
.
ปัจจุบันมวยไทยนั้นได้รับความนิยมในต่างประเทศอย่างมาก ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่จะทำให้ครูมวยชาวไทยได้เติบโต แต่ขณะเดียวกันก็มีชาวต่างชาติจำนวนไม่น้อย ที่เลือกเรียนมวยไทยเพื่อนำไปประยุกต์และเผยแพร่ยังประเทศของตน

.
“ที่เราได้เรียนรู้คือมวยไทยสำหรับแต่ละเชื้อชาติเราควรจะสอนยังไง ตรงนี้ผมบอกกับครูมวยไทยหลายคนคุณระวังให้ดี ต่อไปฝรั่งเขาอาจจะไม่มาเรียนกับเรา เพราะตอนนี้มีชาวต่างชาติที่เขาเรียนมวยไทยหลายคน เขากลับไปเป็นครู
.
ข้อดีของเราคือเรารู้ทุกเทคนิคมวยไทย แต่ชาวต่างชาติเขาจะรู้ว่าอะไรที่เหมาะกับเขา อย่างเช่นอาหารไทย ถ้าจะปรุงในแบบสวิตฯต้องทำยังไง ถ้าจะขายในแอฟริกาต้องขายยังไง เพราะฉะนั้นถ้าครูมวยไทยไม่รู้จักพัฒนาตัวเอง วันข้างหน้าจะน้อยลง ทั้งการที่เขาจะมาเรียนกับเราและการที่เขาจะเชิญเราไป เขาเชิญเราใช้งบเยอะมาก
.
หลายครั้งผมบอกกับพวกเพื่อนๆ ชาวต่างชาติ ผมไม่อยากส่งครูให้เขา ถ้าเกิดเราแนะนำคนไม่ดีให้ หรือไปแล้วไม่ไหวกลับมา มันเป็นปัญหาใหญ่ ผมบอกว่าเอางี้มั้ย คุณจ้างผมไปสอนครู ทำให้เขามีครูที่นั่น แต่ถ้าคุณเป็นคนที่เก่ง เป็นคนที่รู้วัฒนธรรม คุณไม่มีทางที่จะตกงาน
.
ถ้าคุณรู้จักปรับตัว อย่างจะไปอิสราเอล โอมาน กาตาร์ หรือดูไบ คุณรู้รึเปล่าผู้หญิงกับผู้ชายเรียนมวยด้วยกันไม่ได้ เรื่องศาสนาด้วยนะครับ ถ้าเป็นที่เคร่งๆ ผู้หญิงกับผู้ชายต้องแยกห้อง ผมก็จะมาสอนลูกศิษย์ผมที่เป็นผู้หญิงว่า รู้มั้ยว่าเรามีโอกาส สมมติว่าเราไปดูไบ ไปสอนในห้องผู้หญิงอย่างเดียวเลย เงินเดินเป็นแสน จะได้มีงานอีก
.
ในมุมมองของผมนะ เขาบอกมวยไทย คนไทยเท่านั้นต้องสอน ไม่จริง ขนาดพิซซ่าคนไทยยังทำขายเลย ครูมวยไทยหลายคนไปแล้วไม่รอดเพราะว่าเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง เขาก็อยู่ไม่ไหว ลูกศิษย์ไม่อยากเรียนด้วย เราก็ต้องปรับหาเขานิดนึง การที่เราเคารพต่อกันคือหัวใจสำคัญ ในการที่จะเข้าถึงระหว่างคนกับคน มันสำคัญมาก”
.
ประเด็นนี้สำคัญ ถ้าไม่รักษาไว้ ระวังต่างชาติเอาไป!!
.
“ทุกวินาทีที่ผมทำตั้งแต่ปลายปี 48 จนถึงตอนนี้ ผมมองเห็นอีกด้านหนึ่งของมวยไทยว่ามันเป็นยังไง ตั้งแต่ที่ผมไปค่ายเกียรติบุษบา ผมเห็นฝรั่งเยอะมาก ในอนาคตถ้าเราไม่ทำตรงนี้ ฝรั่งเขาจะเอาไปนะ”
.
นอกจากนี้ครูดินยังได้เผยถึงอีกหนึ่งความกังวล นั่นคือแม้มวยไทยจะเป็นที่ชื่นชอบในต่างประเทศ แต่สำหรับต้นตำรับอย่างไทยเองกลับไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร อาจเพราะเป็นเรื่องใกล้ตัวจนพอมองข้าม ซึ่งหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อ ก็อาจถูกชาติอื่นกลืนไปก็เป็นได้….
.
“จะมีคำถามว่า ประเทศไหนในโลกนี้ที่เขาไม่ค่อยรู้จักมวยไทย มวยไทยไม่นิยม ผมบอกเลยคือประเทศไทยนี่แหละ เพราะเป็นสิ่งที่ใกล้ตัว เราสามารถเลือกหรือไม่เลือกก็ได้ ณ ตอนที่ผมเริ่มตัดสินใจว่าผมจะอนุรักษ์มวยไทย มันก็เป็นช่วงเวลาที่กระแสเกาหลีเข้ามา แล้วก็มีโครงการในไทยที่เขาพยายามทำ ไม่สำเร็จเลย
.


ผมเริ่มดูจาพนม เขาทำดีนะ เจ๋งมาก ผมพยายามทำการแสดงให้เป็นแบบจา พนม หลายๆ คนที่เขาจะพูดถึงเรื่องของความสวยงามของมวยไทย เมื่อเราทำมวยไทยในภาพยนตร์เราจะทำยังไง ประยุกต์ให้มันดีขึ้น แม้แต่ตัวจา พนมเอง เขาก็พยายามที่จะเอาชนะขีดจำกัดของตัวเองเกี่ยวกับมวยไทย ว่าทำยังไงให้มันสูงขึ้นไป ผมมานั่งนึก จนจุดนึงผมคิดว่าการที่เราจะเผยแพร่มวยไทย แทนที่ผมจะมองจาก 1 ไปถึงร้อย ผมขอกลับไปที่เลข 0 ดีกว่า ทำยังไงไปถึงให้จุดเด่นของมวยไทยที่แท้จริง ท่วงท่าของมวยไทย จริงๆ มันเท่อยู่แล้วแต่สุดท้ายเรามามองว่า มวยไทยเวลาเตะมันต้องบิดตัว ท่าต้องอย่างนี้ กล้ามเนื้อมันจะออก เราศึกษาอย่างจริงจัง มวยไทยมันเป็นอย่างนี้ แต่ในส่วนที่จะประยุกต์ เดี๋ยวเราค่อยใส่เข้าไปมวยไทยสำหรับคนไทยมันแตกต่างจากชาติอื่น มวยไทย สำหรับคนไทยอยู่ในกลุ่มกลุ่มเดียว คือคนที่จะต่อยมวยกับคนที่จะดูมวยแค่นั้น จริงๆ มวยไทยเป็นศิลปะการต่อสู้ประจำชาติที่ใช้ต่อสู้ป้องกันบ้านเมืองมาก่อน นอกจากการกีฬามันมีหลายอย่าง แต่การนำเสนอในสื่อไทยมันมีน้อย แล้วเราทำยังไง”
.
ครูดินแนะนำว่า ทำให้ “มวยไทย” ฮิตกว่านี้ ฮิตลงไปในหมู่เด็กวัยรุ่นในลักษณะ “ไอดอล”
.
“จะทำยังไงให้มวยไทยไปถึง ตรงนี้ผมก็อยากจะบอกผ่านสื่อว่า เราไม่ต้องไปคิดอะไรมาก เราไปดูกังฟู ทำไมกังฟูฮิตทั่วโลก ล่าสุด ชาง-ชีกังฟูไปอยู่ในมาร์เวลแล้ว กังฟูมีอะไร มีบรูซ ลี มีเฉินหลง มีเจ็ท ลี กังฟูเขามีทั้งการต่อสู้และมีทั้งวงการบันเทิง เราต้องมีมวยไทยไอดอล เป็นไอดอลเด็กสิ ในไทยเรายังไม่มีจุดที่จะนำเสนอตรงนี้ สมมติมีงบ 100 ล้าน เราทำหนังเรื่องนึงเกี่ยวกับมวยไทย หรือทำละคร แต่การเขียนบทให้มันเข้าถึงเขาและทำให้มันเท่ ลองสังเกตดูนักมวยของเราที่เป็นตำนานมวยไทย มันควรจะมีซักคนมั้ยที่เขาเป็นฮีโร่แบบบรูซ ลี ถ้าทำแบบนั้นมันจบเลยเพราะว่ามันเท่ ถ้าเป็นเด็กที่ไม่ได้ต่อยมวยเลย เราต้องตอบเขาให้ได้ว่าประโยชน์คืออะไร อย่างน้อยได้ความเท่ เหมือนเราเดินถือชุดเทควันโด ผมไม่เคยแอนตี้คาราเต้ เทควันโดเลยนะ ผมไปศึกษาระบบการสอนเยาวชนของเขา ว่าทำยังไงให้มันได้เหมือนเขา ลองเทียบสัดส่วน นักร้อง ไอดอลเกาหลีหลายคน เล่นเทควันโดเก่งมาก แต่ของคนไทยที่เป็นมวยไทยมันน้อย เพราะว่าเราเข้าไม่ถึงเยาวชนที่ไม่ได้ต่อยมวย เราทำยังไงให้มีสื่อที่จะเข้าไปถึงเด็กให้ได้”