ชายชาวตองกาวัย 57 ปี ได้รับฉายาว่าเป็น “อะควาแมน” ตัวจริง หลังถูกผจญคลื่นสึนามิจากเหตุภูเขาไฟระเบิดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และเอาชีวิตรอดมาได้ด้วยการว่ายน้ำอยู่กลางทะเลนานถึง 28 ชั่วโมง

การระเบิดอย่างรุนแรงของภูเขาไฟฮุงกา ตองกา-ฮุงกา ฮาอาปาย เมื่อวันเสาร์ที่แล้ว (15 ม.ค.) ส่งผลให้เกิดคลื่นสึนามิซัดฝั่งเข้าทำลายหมู่บ้าน และรีสอร์ตริมทะเลของตองกา และทำให้หมู่เกาะซึ่งมีประชากรราว 105,000 คน ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก เนื่องจากระบบสื่อสารล่ม

ลิซาลา โฟเลา (Lisala Folau) ซึ่งอาศัยอยู่บนเกาะอาตาตา ห่างจากกรุงนูกูอะโลฟาไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 8 กิโลเมตร ได้รับคำเตือนจากญาติว่าสึนามิกำลังจะซัดเข้าฝั่ง จึงรีบปีนขึ้นไปหลบอยู่บนต้นไม้ และปีนกลับลงมาหลังจากที่คลื่นลูกแรกผ่านไปแล้ว

ทว่าสิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อคลื่นลูกที่ 2 ซึ่งใหญ่และแรงกว่าเดิมซัดเขาและครอบครัวออกไปในทะเล

โฟเลา เล่าว่า เขาใช้เวลาดำผุดดำว่ายอยู่ในทะเลราว 28 ชั่วโมง จนกระทั่งไปโผล่ที่ปลายสุดด้านใต้ของเกาะตองกาตาปู (Tongatapu) ซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของประเทศ

“ตอนนั้นมันมืดไปหมด ผมมองไม่เห็นใครเลย สักพักก็เริ่มไม่ได้ยินเสียงหลานสาวเรียก แต่ยังพอได้ยินเสียงลูกชายอยู่”

“ผมเองเดินไม่ถนัดเพราะขาไม่ค่อยดี ก็เลยใช้วิธีลอยตัวเอา ระหว่างนั้นมีคลื่นลูกใหญ่ๆ ซัดเข้ามาตลอด”

โฟเลา บอกว่า ความคิดถึงครอบครัวทำให้ฝืนว่ายน้ำอยู่ได้นานขนาดนั้น และเขารู้สึก “ขอบคุณพระเจ้า ครอบครัว และโบสถ์” ที่ทำให้มีพลังในการเอาตัวรอด

ลูกสาวของ โฟเลา ได้โพสต์แผนที่แสดง “การเดินทางข้ามทะเล” ของบิดาตลอดระยะเวลา 28 ชั่วโมง ซึ่งภาพดังกล่าวได้ถูกแชร์อย่างกว้างขวางในโซเชียลมีเดีย

เอริกา ราเดวาเกน เจ้าหน้าที่จากสมาคมนักกีฬาว่ายน้ำแห่งอเมริกันซามัว บอกว่า สิ่งที่ โฟเลา ทำนั้น “น่าอัศจรรย์มาก” เพราะการเอาตัวรอดจากภัยธรรมชาติลักษณะนี้ย่อมเผชิญแรงกดดันอย่างหนักทั้งทางร่างกายและจิตใจ แถมยังต้องว่ายน้ำในเวลากลางคืนด้วย

“ต่อให้เป็นนักว่ายน้ำมืออาชีพก็ยังมีข้อจำกัดทางด้านร่างกาย และต้องมีลิมิตบางอย่าง แต่สิ่งที่เขาทำถือเป็นความกล้าหาญในอีกระดับหนึ่ง มันไม่ใช่แค่การตกจากเรือ แต่เป็นการหนีตายจากภูเขาไฟที่กำลังระเบิด ถูกสึนามิซัด และยังมีอุปสรรคอื่นๆ อีกหลายอย่าง เช่น เถ้าถ่าน คลื่น และปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้การว่ายน้ำของเขาเป็นเรื่องท้าทายมาก”