ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี เผยว่าเขาจะไม่เดินหน้ากดดันขอยูเครนเป็นสมาชิกนาโต้อีกต่อไปแล้ว ประเด็นละเอียดอ่อนซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลที่รัสเซียใช้อ้างความชอบธรรมในการยกพลรุกรานเพื่อนบ้านฝักใฝ่ยุโรปแห่งนี้
.
อีกหนึ่งในท่าทีขานรับทีมีเป้าหมายบรรเทาความโกรธแค้นของมอสโก เซเลนสกีบอกด้วยว่าเขาเปิดกว้างสำหรับ “ประนีประนอม” ในประเด็นสถานะของ 2 เขตแบ่งแยกดินแดนฝักใฝ่รัสเซีย ที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เพิ่งรับรองในฐานะรัฐเอกราช ไม่นานก่อนปิดฉากรุกรานยูเครนในวันที่ 24 กุมภาพันธ์
.
“ผมใจเย็นลงในเรื่องเกี่ยวกับคำถามนี้มาสักพักแล้ว หลังจากเราตระหนักว่า นาโต้ไม่พร้อมอ้าแขนรับยูเครน” เซเลนสกีให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอบีซีนิวส์ ซึ่งออกอากาศในคืนวันจันทร์(7มี.ค.) “พันธมิตรกลัวสิ่งต่างๆอันเป็นที่ถกเถียงและกลัวการเผชิญหน้ากับรัสเซีย” ประธานาธิบดีรายนี้กล่าว
.
อ้างถึงการเป็นสมาชิกนาโต้ เซเลนสกีกล่าวผ่านล่ามว่าเขาไม่ต้องการเป็นประธานาธิบดีของประเทศหนึ่งๆต้องคุกเข่าอ้อนวอนขออะไรบางอย่างจากใคร
.
รัสเซียบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการให้ประเทศเพื่อนบ้านอย่างยูเครนเข้าร่วมนาโต้ พันธมิตรข้ามแอตแลนติกซึ่งก่อตั้งขึ้นมาในช่วงเริ่มสงครามเย็น เพื่อปกป้องยุโรปจากสหภาพโซเวียต
.
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พันธมิตรแห่งนี้ขยายอาณาเขตไปทางทิศตะวันออกมากขึ้นเรื่อยๆ ครอบคลุมบรรดาประเทศอดีตสหภาพโซเวียตทั้งหลาย ซึ่งโหมกระพือความโกรธเคืองจากรัสเซีย
.
รัสเซียมองว่าการขยายอาณาเขตของนาโต้เป็นภัยคุกคาม เสมือนเป็นการจัดวางกำลังทหารของพันธมิตรนาโต้ไว้ที่บันไดหน้าบ้านของพวกเขา
.
ไม่นานก่อนช็อคโลกด้วยการออกคำสั่งให้ยกพลรุกรานยูเครน ประธานาธิบดีปูตินได้ประกาศรับรองเอกราช 2 เขต ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกแบ่งแยกดินแดนฝักใฝ่รัสเซีย ทางภาคตะวันออกของยูเครน ประกอบด้วยสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์ และสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสค์ ในขณะที่ทั้ง 2 เขตทำสงครามกับเคียฟมาตั้งแต่ปี 2014
.
เวลานี้ ปูติน ต้องการให้ยูเครนรับรองทั้ง 2 เขตในฐานะรัฐอธิปไตยและรัฐเอกราชด้วยเช่นกัน
.
เมื่อถูกถามเกี่ยวกับข้อเรียกร้องนี้ของรัสเซีย เซเลนสกี บอกว่าเขาเปิดกว้างสำหรับการเจรจา “ผมกำลังพูดถึงการรับประกันความมั่นคง” เขากล่าว
.
ประธานาธิบดีรายนี้บอกว่าทั้ง 2 เขต “ไม่ได้การรับรองจากใครยกเว้นแต่รัสเซีย พวกเขาเป็นสาธารณรัฐจอมปลอม แต่เราสามารถพูดคุยและหาทางประนีประนอมว่าดินแดนเหล่านี้จะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร”
.
“สิ่งสำคัญสำหรับผมคือผู้คนในดินแดนเหล่านี้จะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร พวกเขาต้องการเป็นส่วนหนึ่งของยูเครน ผู้คนในยูเครนก็พูดว่าต้องการมีพวกเขาอยู่ด้วยเช่นกัน ดังนั้นคำถามนี้จึงยุ่งยากมากกว่าที่พวกเขารับรู้” ประธานาธิบดียูเครนกล่าว
.
“นี่คืออีกหนึ่งคำขาดและเราไม่ได้เตรียมพร้อมสำหรับคำขาดต่างๆนานา สิ่งจำเป็นที่ประธานาธิบดีปูตินต้องทำคือเริ่มพูดคุยและเริ่มเจรจา” เขากล่าว