ฮือฮากันใหญ่โต และวิพากษ์วิจารณ์กันไปตามความเชื่อ หลังชายวัย 61 ตายแล้วฟื้น ตรวจ 10 นาทีไร้ชีพจร แต่กลับฟื้นขึ้นมา ดึกๆ ชอบกินของดิบ “อาจารย์เจษฎ์” ชี้ผิดปกติ รีบพาพบแพทย์ด่วน
.
จากกรณี นายบัวสี อายุ 61 ปี ป่วยเป็นโรคตับ เมื่อช่วงปี 2561 แต่ก็สามารถทำงานได้ปกติไม่มีปัญหาอะไร แต่เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา เริ่มมีอาการทรุดลง น้ำในกระเพาะออกมารูตามสะดือ ทำให้เดินไม่ได้ ขณะที่นายบัวสีพูดมาเพียงไม่กี่คำ ว่าเหนื่อย อยากจะนอน เมื่อถามว่าอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม บอกไม่อยากกิน อยากจะนอนอย่างเดียว
.
นางสุดใจ อายุ 54 ปี ญาติที่มาช่วยดูแล บอกว่า ในคลิปที่นายบัวสี ลุกมาหากินตอนกลางคืน ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าไม่มีเงาหัว มีแต่เงาแขนและลำตัว เริ่มมีอาการผิดปกติ แปลกประหลาดไปจากเดิม คือ ช่วงกลางดึกของทุกวัน เวลาประมาณตี 1-2 จะลุกขึ้นบอกว่าหิว อยากจะกินลาบเลือด และต้องเป็นลาบเลือดสดๆ เท่านั้น ถ้าคืนไหนไม่ได้กิน ก็จะอาละวาด ด่าลูกและภรรยา
.
โดยก่อนหน้านี้ มีร่างทรงบอกว่านายบัวสี จะสิ้นอายุไขในวันที่ 18 ธ.ค. และวันนั้นนายบัวสีก็ได้สิ้นลมหายใจไปจริงๆ แต่เมื่อผ่านไปประมาณ 10 กว่านาที นายบัวสีก็ฟื้นขึ้นมา แต่หลังจากฟื้นขึ้นมานายบัวสี ก็มีอาการกระวนกระวาย อาละวาด ขอกินแต่ลาบเลือด หรือของสดๆ มากขึ้น
.
จนญาติต้องไปพึ่งหมอดูหรือร่างทรง แต่หมอทุกคนบอกตรงกันว่า ที่เห็นว่านายบัวสี มีชีวิตอยู่นั้นไม่ใช่นายบัวสี แต่เป็นผีปอบเข้าสิงร่างแทน
.
ล่าสุด วันนี้ (26ธ.ค.) เพจ “อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์” ของ รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาโพสต์ข้อความ เตือนทางครอบครัว ให้ร้บพาชายรายนี้ไปพบแพทย์โดยด่วน หวั่นอาการอาจจะหนัก ทั้งนี อาจารย์เจษฎ์ ได้ระบุข้อความว่า
.
“ท่าทางจะอาการค่อนข้างหนักครับ ควรรีบส่งแพทย์นะครับ อย่างที่บอกว่า “น้ำในกระเพาะออกมารูตามสะดือ” ลองถามเพื่อนที่เป็นหมอ เขาบอกว่า น่าจะเป็น “ตับวาย แล้วมีน้ำออกมาในช่องท้อง น้ำในท้องเยอะมาก มันเลยมีแรงดัน รั่วออกมาทางสะดือได้”
.
และด้วยอาการตับวาย ที่รุนแรงแล้ว น่าจะนำไปสู่ภาวะโลหิตจาง เลยทำให้ขาดธาตุเหล็ก ตลอดจนเกิด “ภาวะสับสน” มีอาการเพ้อ delirium เกิดพฤติกรรมแปลกๆ ตามมา เช่น อยากกินอาหารแปลกๆ (เช่น ของดิบ) ไม่ใช่เรื่อง ผีปอบเข้าสิง อะไรหรอกครับ
.
ส่วนที่บอกว่า “ตายไปแล้ว 10 นาที กลับฟื้น” ตรงนี้น่าจะเป็นการตรวจกันเองแบบชาวบ้านๆ น่ะ เช่น บอกว่า “จับชีพจรไม่เต้น ไม่หายใจ” ก็เป็นไปได้ว่าคลำหาชีพจรไม่ถูกตำแหน่ง และอาจจะแค่หายใจรวยริน / รวมถึงที่บอกว่า 10 นาที ก็ไม่รู้ว่าจับเวลาแม่นแค่ไหนนะ / ต้องเป็นแพทย์วินิจฉัย ดูคลื่นสมองว่าหยุดการทำงานหรือยัง ถึงจะระบุว่า “ตายแล้วจริงๆ ” น่ะครับ”
.