ตีนหนักคงเป็นคำนิยามให้กับนักฟุตบอลในอดีตที่ผ่านมาเพียงไม่กี่คน แต่หากพูดถึงนักฟุตบอลที่ตีนหนักและคมนั้นชื่อของ กาเบรียล บาติสตูต้า จะต้องผุดขึ้นมาในใจของคอบอลหลาย ๆ คนแน่นอน

บาติสตูต้า คือหนึ่งในกองหน้าที่โด่งดังมากที่สุดคนนึงของยุค 90 หลาย ๆ คนน่าจะจดจำผมยาวสุดสลวย ที่พริ้วสะบัดบนสนามได้ดีเขาเหมือนนักดนตรีร็อคที่มาเล่นฟุตบอล แต่หากพูดถึงการเล่นของเขากับแนวดนตรีร็อก บาติสตูต้า ก็เปรียบเหมือนแนวดนตรี “เฮฟวี่เมทัล” ที่อาจไม่ดึงดูดทุกคนแต่คุณก็ละสายตาจะการเล่นของเขาได้

ก้าวสู่เส้นทางฟุตบอลอาชีพ

จริง ๆ แล้วหากพูดถึงบาติสตูต้า คงไม่มีรู้จักเขามากนักในช่วงที่เขาเริ่มเล่นฟุตบอลอาชีพ เขาอยู่กับสโมสรดังของอาร์เจนติน่าทั้ง นีเวลล์โอบอย,ริเวอร์เพลท รวมไปถึงโบค่า จูเนียรส์

แรกเริ่มเดิมทีแล้ว บาติสตูต้า ไม่สนใจฟุตบอลและไม่ได้หลงรักหรือหลงไหลในศาสตร์ของกีฬานี้เลย เขาชอบกีฬาอื่นมากกว่าและด้วยที่เขาเป็นคนสูงใหญ่ตั้งแต่ เขาจึงชอบเล่นบาสเก็ตบอลเป็นพิเศษ แต่ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไปเมื่อเขาได้เห็นบ้านเกิดของเขาอย่างอาร์เจนติน่า คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกปี 1978 ทำให้เขาหลงไหลและเดินหน้าเข้าสู่วงการฟุตบอลโดยมีมาริโอ เคมเปส เป็นไอดอล

เผชิญหน้ากับ บิเอลซ่า

บาติสตูต้า ตั้งหน้าตั้งตาฝึกซ้อมจนสามารถเข้าร่วมทีมท้องถิ่นในเวลานั้นได้สำเร็จ ซึ่งเขาฉายแววเป็นเพชรฆาตตั้งแต่เด็กหลัง ทำได้สองประตูในเกมที่ทีมของเขานั้นเอาชนะ นีเวลโอบอย ซึ่งคุมทีมโดย มาร์เซโล บิเอลซ่า เฮดโค้ชลีดส์ ยูไนเต็ด คนปัจจุบัน จนทำให้เขาได้รับสัญญาอาชีพนักเตะและย้ายมาร่วมทีม นีเวลโอบอยในปี 1987

บาติสตูต้า ไม่เป็นที่ยอมรับในฐานะนักฟุตบอลมากนักในเวลานั้น เนื่องจากเขาไม่มีรูปร่างที่เหมาะกับการเป็นนักฟุตบอล เขาเป็น”เด็กอ้วน” โดยเฉพาะโค้ชอะคาเดมี่ของนีเวลโอบอย ก็ยืนยันว่าเขามีดีแค่การเตะฟุตบอลออกไปเท่านั้น โหม่งบอลก็ห่วยรูปร่างก็ไม่เหมาะกับการเป็นนักฟุตบอล แต่นั้นไม่ทำให้ความเชื่อของบิเอลซ่า ที่มีในตัวบาติสตูต้าลดลง บิเอลซ่า ให้คำแนะนำบาติสตูต้าทั้งในแง่ของการพัฒนาฝีเท้ารวมไปถึงแนะนำให้บาติสตูต้า ลดน้ำหนัก จนทำให้เขากลายเป็นแข้งที่พัฒนาขึ้นอย่างมาก

ประตูสู่ยุโรป

บาติสตูต้า ทำให้ทั้งโลกได้รู้จักเขามากขึ้นจากเกม โคปาอเมริกาในปี 1991 ซึ่งบาติสตูต้า ก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ทัพฟ้าขาว คว้าแชมป์ในครั้งได้สำเร็จหลังเป็นดาวซัลโวในทัวร์นาเม้นต์นั้นด้วยการยิงไปทั้งสิ้น 6 ประตู จนทำให้มันไปเตะตารองประธานสโมสรฟิออเรนติน่า และยื่นข้อเสนอให้เขาย้ายมาอยู่กับทีม

ปีแรกในเซเรียอา

หากพูดถึงเซเรียอาในยุค 90 ต้น ๆ ลองนึกภาพตามว่าที่นั้นในตอนนั้นมีกองหน้าระดับโลกอยู่ในลีกมากมายแค่ไหนที่นั้นมีทั้ง มาร์โก้ ฟาน บาสเท่น,โรเบอร์โต้ บัคโจ้,เยอร์เกล็น คลินส์มันน์ หรือแม้กระทั้งเพื่อนร่วมชาติของเขาอย่าง ดิเอโก้ มาราโดน่า

ดังนั้นมันไม่ง่ายเลยที่ บาติสตูต้า จะสถานปนาตนเองเป็นกองหน้าระดับท็อปของลีกได้ แต่ตลอดเวลาช่วงเวลา 9 ที่วิโอล่าเขากลับทำผลงานได้ผิดคาด แม้จะมีตกชั้นไปเซเรียบีครั้งนึง แต่ในฐานะกองหน้าแล้ว บาติสตูต้า คือหนึ่งในกองหน้าที่กองหลังในเซเรียอาทุกคนต่างเกรงกลัวต่อฝีเท้า และทุกซีซั่นที่เขาค้าแข้งที่นี่เขาจะยิงในเซเรียอาไปอย่างน้อย 13 ประตูทุกซีซั่น

“วันแรกที่ผมได้ซ้อมกับบาติสตูต้า เขาแมร่งโคตรห่วยเลยนะ แต่สต๊าฟฟ์ของเราตอนนั้นบอกว่า รอให้บาติสตูต้าเขากลับสู่สภาพที่สมบูรณ์ก่อน ซึ่งหลังจากนั้นผมก็ได้เห็นว่า เขาเป็นคนที่ไร้ความปราณีในการจบสกอร์ เขาเตะบอลได้ทรงพลังมาก ๆ และเขาแข็งแกร่งเหมือนวัวเราแย่งบอลจากเขาได้ยากมากมาก” ไบรอัน เลาดรู๊ป อดีตเพื่อนร่วมทีมฟิออเรนติน่า ให้สัมภาษณ์

บาติสตูต้า สถาปนาเป็นเจ้าของสถิติสโมสรฟิออเรนติน่าที่ยิงประตูในเซเรียอามากที่สุดเขาลงเล่นไปทั้ง 237 เกมยิงไป 153 ประตู ในขณะที่หากพูดถึงสถิติดาวยิงสูงสุดทุกรายของฟิออเรนติน่านั้นเขาก็รั้งเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์สโมสรจากผลงาน 331 เกม ยิงได้ 207 ประตู เป็นรองเพียงแค่ เคิร์ท แฮมริน ที่ยิงมากกว่าเขาแค่ลูกเดียวเท่านั้น น่าเสียดายที่เขาต้องย้ายทีมเนื่องจากฟิออเรนติน่า ประสบปัญหาทางด้านการเงิน

สู่โรม่ากับการสร้างประวัติศาสตร์

ในวัย 31 ปีบาติสตูต้า ได้ย้ายมาเล่นให้กับโรม่า เขาผนึกกำลังกับ ฟรานเชสโก้ ต็อตติ รวมไปถึง วิเซนโซ่ มอนเตล่า ในฤดูกาลแรกที่เขามาถึง บาติสตูต้า พาโรม่า เป็นแชมป์เซเรียอาได้ทันที และนี่เป็นแชมป์ที่โรม่ารอคอยมาถึง 17 ปีด้วยกัน แน่นอนว่าดาวซัลโวของทีมในเวลานั้นคือเขา ที่ซัดไปถึง 20 ประตูในลีก และ 33 ประตูในทุกรายการ น่าเสียดายที่ฤดูกาลนั้น เฮอร์นัน เครสโป ได้ดาวซัลโวของเซเรียอาไปครองหลังซัดไป 26 ประตู

เขาอยู่กับโรม่าต่ออีกสองปี ก่อนที่จะย้ายไปอยู่กับอินเตอร์มิลาน ซึ่งเจ้าตัวก็อยู่ในช่วงท้ายของการเป็นนักเตะอาชีพแล้ว ก่อนที่เขาจะปิดฉากเส้นทางอาชีพในเวทียุโรปและย้ายไปในลีกกาตาร์กับ อัลอาลาบี้และแขวนสตั๊ดในปี 2005

ตลอดเวลาการค้าแข้งของบาติสตูต้า ว่ากันว่าเขามีสิ่งที่นักฟุตบอลทั่วไปไม่มีโดยไม่รู้ตัว นั้นคือ “สัญชาตญาณ”

“ในบรรดากองหน้าที่ผมเคยเล่นด้วยมาทั้งหมด บาติสตูต้า คือกองหน้าที่ดีที่สุด” รุย คอสต้า ให้สัมภาษณ์กับเพลนเน็ต

“เขาสามารถทำประตูได้จากทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นฟรีคิก,ลูกโหม่ง,จุดโทษ,นอกกรอบเขตโทษ และเขาสามารถทำประตูได้จากทุกอวัยวะของร่างกายไม่ว่าจะเป็นไหล่,หลัง หรือส้นเท้า เขาทำประตูได้หลากหลายวิธีเป็นอย่างมาก”

นั่นจึงไม่แปลกที่ทำให้บาติสตูต้า ถูกยกให้เป็นกองหน้าที่ดีที่สุดของโลกในช่วง 90 แต่ภายใต้ความสำเร็จของเขาต่างก็มีเรื่องราวที่คาดไม่ถึงมากมาย บาติสตูต้าเคยให้สัมภาษณ์ว่าเขาเล่นฟุตบอลโดยไม่ได้รักมันและเห็นมันเป็นเพียงแค่อาชีพเท่านั้น

“ใช่ที่ผมพูดว่าผมไม่เคยรักมันเลย แต่ที่ผมพูดเพราะผมต้องการปกป้องตัวเองจากแฟนบอลและสื่อต่าง ๆ” บาติโกล ให้สัมภาษณ์

“ผมบอกไปเพื่อให้พวกเขาหยุดถามคำถามผมอีกผมแค่อยากหาเวลาไปฝึกซ้อมให้มากเท่านั้นและไม่อยากมาตอบคำถามอะไร คุณคงจำได้ผมมีช่วงเวลาที่ดีมากในอิตาลีแต่ที่นั้นก็มีความกดดันมากมาย และผู้คนก็เอาแต่พูดถึงฟุตบอลตลอดเวลาซึ่งผมพบว่ามันค่อนข้างน่าเบื่อ”

“สิ่งที่เกิดขึ้นในสนามมันไม่ใช่สิ่งผมจะต้องลงไปเล่นและพูดว่า ผมรักมัน ผมรักแผนการเล่นของทีม ผมรักการฝึกซ้อมต่าง ๆ นา ๆ ผมไม่เคยตื่นต้นกับฟุตบอลเลยโดยเฉพาะตอนเป็นเด็ก แต่มันก็มากลายเป็นแพสชั่นของผม มันลงเอยที่ว่าผมอยู่และหายใจเป็นฟุตบอล และตอนนี้ผมก็เดินได้ลำบากขึ้น ผมเคยขอให้หมอตัดขาผมทิ้งเพราะผมเจ็บปวด ในช่วงหลังที่เลิกเล่นไปแล้วนั้นก็เป็นเพราะว่าผมได้ทุ่มเทและให้ทุกสิ่งมากกว่าสิ่งที่ผมควรให้ในการเล่นฟุตบอล”

“แต่ความจริงมันก็อยู่ระหว่างกลางของเรื่องราวทั้งหมดผมรักการแข่งขันผมรักทุก ๆ อย่างของฟุตบอลสิ่งที่ผมไม่ชอบจริง ๆ นั่นก็คือการสัมภาษณ์”

แน่นอนว่าแม้ปัจจุบัน บาติสตูต้า จะหายหน้าไปจากวงการฟุตบอลแต่เขาก็ยังให้คำแนะนำต่าง ๆ กับคนที่เขาสนิทใจด้วย เฉกเช่นครั้งนึงเขาเป็นคนแนะนำให้ เป็ป กวาร์ดิโอลา ไปเรียนรู้วิชากับ มาเซโล บิเอลซา ก่อนที่เป็ปจะมาเป็นโค้ชชื่อดังในเวลานี้

รวมไปถึงบาติสตูต้า ยังคงเป็นไอดอลและแรงบันดาลใจให้กับนักฟุตบอลอเมริกาใต้หลายๆ คนที่หวังอยากเป็นแบบเขาในการเพชรฆาตในแดนหน้าที่ทำประตูได้จากทุกส่วนของร่างกายและทรงพลัง ซึ่งเอดิสัน คาวานี่ ก็เป็นคนที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเขามาโดยตรง

1 กุมภาพันธ์ สุขสันต์วันเกิด กาเบรียล “บาติโกล” บาติสตูต้า