นี่คือการประท้วงด้วยชีวิตมนุษย์ที่ถูกบุลลี่มาตลอดชีวิตของ “แป้ง” สาวชาวเขาที่เรียนดีจนสอบเป็นพยาบาลได้ เธอควรมีอนาคตสดใส ได้ทำมาหากิน ดูแลตัวเอง ครอบครัว หน้าที่สำคัญของเธอคือดูแลผู้ป่วย และเธอคงดูแลผู้ป่วยได้อีกมาก ถ้าไม่ถูกคนในรพ.บุลลี่ขนาด “ยกรถ” เธอหายไป ไปแจ้งความ ดำเนินเรื่องยากเย็นแสนเข็ญ ผู้ใหญ่ในรพ.ไม่ให้ความช่วยเหลือทั้งที่ร้องขอ ขอย้ายแผนกก็ไม่ให้ เธอจึงขอใช้ทั้งชีวิตเพื่อยุติความอยุติธรรมที่เกิดขึ้น เธอเขียนจดหมายดังกล่าวก่อนพยายามกระโดดตึก แต่เพื่อนร่วมงานห้ามทัน ด้านหัวหน้างานปัด จดหมายไม่เป็นความจริง
.
จากกรณี “แป้ง” พยาบาลสาวในจ.เชียงใหม่ เขียนจดหมายลาตาย ข้อความว่าเพราะเธอเป็นชาวเขา จึงถูกบุลลี่มาตลอดชีวิต ตั้งแต่เด็กจนโต ตั้งแต่เรียนจนทำงาน ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่เธอก็ฝ่าฟันจนสอบเข้าเรียนพยาบาลสำเร็จ และเรียนจนจบ ทว่าก็ยังถูกบุลลี่ในโรงพยาบาลที่ทำงาน รถมอเตอร์ไซค์ก็ถูกผู้มีอิทธิพลในโรงพยาบาลยกเอาไปดื้อๆ แจ้งความก็ไม่คืบ ขอย้ายแผนกก็ไม่ได้ ขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ในโรงพยาบาลก็เงียบ ไม่มีใครยื่นมือ โดยเนื้อหาในจดหมายระบุว่า…
.
ชีวิตฉันเกิดมาเป็นชาวเขา พ่อแม่ฉันมีลูกหลายคน แต่พ่อแม่ฉันเลี้ยงดูพวกเรามาให้พวกเราทุกคนได้เข้ามาเรียนได้มีการศึกษา ฉันเป็นลูกสาวคนเล็ก ตอนเด็กๆฉันมักจะป่วยบ่อยๆไป รพ มักจะโดนพยาบาลหรือผู้ช่วยพยาบาลดุด่า แม้เราในฐานะคนไข้จะไม่ได้ผิดอะไร แต่ก็ไม่เข้าใจก็โดนด่าอยู่ดี แม่ฉันเลยบอกกับฉันว่าวันนึงถ้าลูกโตมาลูกต้องเป็นพยาบาลนะ แล้วลูกอย่าไปทำแบบนี้ที่เราโดนกับคนไข้ ฉันในวัยที่รู้ความแล้ว ฉันจำได้ขึ้นใจ ในวัยประถมฉันตั้งใจศึกษาเล่าเรียนและได้ลำดับต้นๆของห้องมาตลอด
.
จนฉันมาเรียนมัธยมต้นฉันโดนบูลลี่เรื่องรูปลักษณ์และชาติพันธุ์ เพื่อนๆล้อว่าฉันตาตี่ไม่สวยตัวเตี้ย บ้างก็ด่าว่าฉันนั่งหลับเหรอ ฉันโดนบูลลี่มาตลอด ฉันเคยกลับบ้านไปกอดแม่แล้วร้องไห้กับแม่เล่าสิ่งที่เจอที่ รร ให้แม่ฟัง แม่บอกฉันสวยมากและน่ารักที่สุดในสายตาแม่ ฉันกลับไปเรียนโดนล้อโดนบูลลี่อยู่ตลอด การเรียนฉันเริ่มดรอปลง จนวันปัจฉิมฉันเข้า รพ ไม่ได้ปัจฉิมกับเพื่อน พอมาเรียน ม ปลายเป็น รร คริสเตียนแห่งหนึ่งฉันได้รับการยอมรับจากสังคมเพื่อนและไม่โดนบูลลี่
.
การเรียนฉันเริ่มดีกลับมา ฉันเข้าเรียนในสายวิทย์-คณิต เพราะฉันใฝ่ฝันจะเป็นพยาบาล ซึ่งตอนฉันใกล้จบทางบ้านมีปัญหาด้านการเงินแถมสุขภาพคุณพ่อคุณแม่ไม่ค่อยดี คุณพ่อคุณแม่ได้ให้ฉันเปลี่ยนความคิดและเรียนต่อเอกครุศาสตร์ เนื่องจากค่าเทอมพยาบาลสูง ต้องใช้เงินจำนวนมากในการเข้าศึกษาต่อ แต่ฉันก็ยังทิ้งความใฝ่ฝันในวัยเด็กไม่ได้นั่นก็คือพยาบาล ฉันหาทุกวิถีทางจนมีอาจารย์ท่านนึงบอกว่าให้แอดมิชชันคณะพยาบาลของสถาบันพระบรมราชชนกเพราะเขามีทุนให้เรียน
.
ในช่วงนั้นฉันปิดเทอมกลับบ้านไปอยู่บนดอยไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ไม่มีอินเตอร์เน็ต ถ้าจะโทรศัพท์ต้องขับไปที่ๆจุดมีสัญญาณโทรศัพท์ แล้วฉันก็ได้ขอให้อาจารย์ท่านนี้แอดมิชชันให้ฉันโดยฉันส่งรายละเอียดข้อมูลให้อาจารย์ทั้งหมด ทั้งผลคะแนนGAT-PAT คะแนนต่างๆ ตอนนั้นฉันแอดติดเป็นเวชกิจฉุกเฉิน ส่วนพยาบาลติดตัวสำรองฉันจึงได้มาเรียนเวชกิจฉุกเฉินไป1ปี ระหว่างเรียนเวชกิจฉันก็ยังไม่ทิ้งความใฝ่ฝันในวัยเด็กฉันได้ไปสอบGAT PAT ใหม่แล้วยื่นแอดมิชชันใหม่อีกครั้ง
.
ปีนี้สรุปฉันก็ติดแล้วได้เข้ามาเรียนพยาบาล ลำบากมากๆวันที่ไปตรวจเลือดเพื่อยื่นเข้าเรียนที่ รพ มหาราชนครเชียงใหม่ ฉันจำได้แม่กับฉันวิ่งตากฝนเพราะแต่ละตึกไกลและตอนนั้นในตกหนัก ด้วยเหตุที่เราไม่รู้ว่าทางแต่ละตึกไปทางไหนแถมถ้าเดินทางทางเดินในอาคารก็ไปถึงช้าเพราะตอนนั้นเวลาจะ16:00 เราต้องรีบตรวจและรีบนำผลมา วันนั้นที่ช้าเพราะเราไปหลาย รพ ไป รพ นครพิงค์แต่เขาบอกรับตรวจ20คนต่อวันซึ่งเต็มแล้วให้ไปที่อื่น และพวกเราเลยต้องไปที่ รพ มหาราชพอไปถึงคนไข้ก็เยอะ เลยทำให้ช้าลงไปและต้องวิ่งแข่งกับเวลา
.
พอมาเป็นพยาบาลฉันดีใจมากฉันตั้งใจเรียนเพื่อให้จบในระยะเวลาที่กำหนด พอเรียนจบ ฉันตั้งใจสอบให้ผ่าน 8 รายวิชาเพื่อให้ได้ใบประกอบวิชาชีพพยาบาลเพื่อมาทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ หลังจากเรียนจบฉันก็ตั้งใจหาช่องทางเพื่อสอบข้าราชการให้พ่อแม่ได้ภูมิใจ จนวันนึงฉันก็สอบติดมาเป็นข้าราชการที่ รพ แห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงใหม่ แต่แล้วฉันดีใจมากๆ แต่พ่อกับแม่ฉันกลับเป็นห่วงไม่อยากให้ฉันเข้ามาอยู่จุดนี้ เขาบอกที่เดิมที่ฉันอยู่ตอนจบใหม่นั้นลงตัวแล้ว
.
แต่แล้วด้วยที่ฉันคิดว่านี่คือความใฝ่ฝันของฉันข้าราชการพยาบาล จนฉันมาบรรจุราชการทำงานผ่านไปหลายปี ฉันเจออุปสรรคมากมายฉันเรียนรู้ที่จะอยู่และอดทนปล่อยวาง แต่แล้ววันนึงมีเหตุที่ไม่คาดคิด คือรถมอเตอร์ไซด์ของฉันที่จอดไว้ใน บ้านพัก รพ ได้หายไป หลังจากตรวจเช็คหาจากบริเวณบ้านพักและเขต รพ ไม่เจอ จึงได้ไปขอกล้องวงจรของพี่พยาบาลท่านนึงใน รพ ตรงบริเวณที่ฉันจอดรถ พบว่าเป็นแฟนของเจ้าหน้าที่ตำแหน่งใหญ่ท่านนึงใน รพ ดิฉันได้ติดต่อเขาและขอรถคืน เขาบอกว่าเขาสั่งแฟนเขามาเอารถฉันไปเพราะเห็นจอดไว้นาน และเขาบอกว่าทีเเรกจะเอาไปขายทอดตลาด ซึ่งฉันรู้สึกไม่ดีเลย เครียดมาก ฉันบอกพี่เขาว่าพี่ไม่มีสิทธิ์เอารถน้องไปไม่ว่าอะไร เพราะรถก็จอดถูกที่ถูกตำแหน่ง พี่เขาบอกว่าเขาเป็นตำแหน่งหัวหน้าพัสดุของรพ และแฟนเขาเป็นตำแหน่งสรรพสามิต เขาเลยมาเอารถของฉันไป ฉันบอกไม่ว่าด้วยอะไรเขาก็ไม่มีสิทธิ์เอารถไปไหน
.
แต่แล้วเรื่องไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดฉันได้รถคืน แต่ทุกอย่างมันแย่ เพราะฉันได้แจ้งความไปที่ สภ และเวลาฉันไปขอความช่วยเหลือต่างๆจากทางอำนวยการเช่นไปขอดูกล้องวงจรปิดแต่ทางอำนวยการให้ข้อมูลกลับไปมา และฉันขอให้ดำเนินการกับทางคู่กรณี ตอนนี้ฉันเดือดร้อนหลายๆอย่าง ฉันขอความช่วยเหลือจากทางผู้ใหญ่ใน รพ แต่ไม่ได้รับความช่วยเหลือ และฉันรู้สึกกังวลใจ หลังจากเหตุการณ์นี้ฉันโดนคู่กรณีคุกคามชีวิต ฉันได้แจ้งไปทางผู้ใหญ่ใน รพ แต่แล้วได้รับการดูแล 1 เดือนครึ่ง
.
นอกจากนี้ฉันได้มีปัญหากับทางหน่วยงานซึ่งตลอดมาก็มีปัญหาหลายๆอย่างในหน่วยงานซึ่งมันสะสมจนวันนึงมีน้องในหน่วยงานมาเปิดประเด็น และฉันได้เกิดเรื่องในหน่วยงาน ฉันเขียนย้ายแผนกแต่ไม่ได้รับการย้าย ฉันเครียดสะสมหนักมากขึ้นเรื่อยๆทุกวัน หลายๆเรื่อง นอนไม่หลับ ทั้งหวดระแวง กลัวโดนทำร้ายจากคู่กรณีอีกทั้งมีปัญหาในหน่วยงาน ฉันได้ส่งจดหมายทางเมลล์ไปถึงอธิบดี เนื่องจากทั้ง ผอ และผู้ใหญ่ใน รพ ฉันได้ดำเนินการไปแล้วแต่เรื่องเงียบ ทุกๆวันฉันหวาดระแวงและเครียดนอนไม่หลับ
.
จนมีวันนึงฉันนั้นโดนเรียกไปพบผู้ใหญ่ใน รพ และถูกกดดันหลายอย่าง ฉันรุ้สึกถึงความไม่ปลอดภัยและความกดดันที่ไม่มีทางออก ทั้งในหน่วยงานและเรื่องต่างๆในวันนี้ฉันขอจบชีวิตลงเพื่อยุติความอยุติธรรมและทางออกต่างๆ ฉันไม่อยากรับผลกระทบต่างๆที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ทั้งความก้าวหน้าในหน้าที่การงานและงานที่ฉันทำ เพราะตอนนี้เหมือนฉันไม่ได้ต่อสู้กับคู่กรณีคนเดียว #RIPชีวิตราชการตัวน้อย
.
กว่าจะมาเป็นพยาบาล #ลูกขอโทษด้วยนะแม่ ลูกทนแรงกดดันไม่ไหว ลูกไม่มีทางออก มีปัญหาในหน่วยงานแต่ผู้ใหญ่ให้อยู่ที่เดิมเพราะมีคนอยากไปแผนกที่ลูกเขียนย้ายโดยไม่มองปัญหาน้อยใหญ่ที่เกิดขึ้น ลูกหวังว่าต่อไปจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับที่อื่นอีก
.

ราชการชั้นผู้น้อยที่ไม่มีที่พึ่งอีกแล้ว 🥹😭

ลูกรักแม่ ขอโทษด้วยนะแม่แล้วลูกจะตอบแทนคุณในชาติหน้า😭😭😭

คนที่รอเหยียบหยามซ้ำเติมเชิญเลยเต็มที่ค่ะแป้งถอยแล้ว

ทุกคนชนะแล้ว

พวกคุณจะไม่มีวันได้แกล้งฉันอีก

.
ล่าสุดช่วงบ่ายวันนี้ (21 ก.พ.66) แพทย์หญิงนงนุช ภัทรอนันตนพ ผู้อำนวยการศูนย์อนามัยที่ 1 เชียงใหม่และหัวหน้างานของพยาบาลสาวคนดังกล่าว ได้แถลงข่าวชี้แจงกับสื่อมวลชน ว่า จดหมายและข่าวที่เผยแพร่ออกไปนั้นไม่ตรงกับความเป็นจริง
.
พยาบาลสาวคนดังกล่าว อายุ 32 ปี เมื่อวันที่ 20 ก.พ.66 เวลา 8.30 น. ได้พยายามจะกระโดดชั้น 2 ตึกคลอดของโรงพยาบาล แต่เพื่อนร่วมงานเข้าไปห้ามทัน และปลอบจนพยาบาลสาวมีสติ จากนั้นได้ให้ ทีมแพทย์ พยาบาลจิตเวช ส่งต่อไปรักษาอาการที่โรงพยาบาลสวนปรุง
.
กรณีรถจักรยานยนต์ที่หายไป หลังจากพยาบาลสาวไปแจ้งความ ก็ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนคู่กรณี และได้ให้คู่กรณี ย้ายออกจากที่พักไปอยู่ด้านนอกโรงพยาบาลแล้ว เพราะ พยาบาลสาวคนดังกล่าวมีความกังวล เรื่องความปลอดภัย และถูกคุกคาม พร้อมกันนี้ได้มีการย้ายเวรจากเดิมที่เคยเข้าเวรดึก ให้มาเข้าเวรเช้าแทนเพื่อความสบายใจ
.
ส่วนเรื่องที่พยาบาลสาวโพสต์ว่ามีปัญหากับผู้หลักผู้ใหญ่และถูกเพื่อนร่วมงานบูลลี ตนเองยืนยัน และได้สอบถามเจ้าหน้าที่ทุกคนแล้วว่าไม่มีใครบูลลี ทุกคนทำงานร่วมกันได้ และสำหรับการขอย้ายแผนก ได้ทำเรื่องให้แล้วอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา หาแผนกให้ แต่ก็มาเกิดเรื่องก่อน
.