ทีมนักวิจัยนานาชาติล่าสุดพบภายในโลกซึ่งเป็นของเหลวร้อนนั้นกำลังเย็นตัวลงในอัตราความเร็วกว่าปกติถึง 1.5 เท่ากว่าที่เคยคิดไว้ และเมื่อเย็นตัวลงจะทำให้สูญเสียสนามพลังงานแม่เหล็กที่ขั้วโลกที่เป็นเกราะกันรังสีจากอวกาศ ส่งผลอาจทำให้สิ่งมีชีวิตบนโลกตาย ด้าน อีลอน มัสค์ ทวีตเตือนดวงอาทิตย์ขยายขนาดและทุกสปีชีส์จะสูญพันธุ์ โอกาสที่จะเกิดขึ้นสูงถึง 100%

NBC NEWS สื่อสหรัฐฯ รายงานเมื่อวันพฤหัสบดี (20 ม.ค.) ว่า โลกถูกทีมนักวิทยาศาสตร์นานาชาติพบว่ามีอัตราการเย็นตัวลงเร็วกว่า 1.5 เท่ากว่าที่เคยได้มีการคำนวณไว้ ซึ่งอาจส่งผลทำให้โลกกลายเป็นดาวเคราะห์ที่สิ่งมีชีวิตบนโลกรวม “มนุษย์” ไม่สามารถอยู่อาศัยได้อีกต่อไปในอีกหลายล้านล้านปี หรือหลายพันล้านปีนับตั้งแต่นี้

ในผลงานการวิจัยที่ถูกตีพิมพ์สัปดาห์ที่ผ่านมา บนวารสารทางวิชาการ Earth and Planetary Science Letters ภายใต้หัวข้อ “Radiative thermal conductivity of single-crystal bridgmanite at the core-mantle boundary with implications for thermal evolution of the Earth” ซึ่งมีทีมนักวิจัยนานาชาติ ประกอบไปด้วย ศาสตราจารย์ด็อกเตอร์โมโตฮิโกะ มูราคามิ (Motohiko Murakami) จากคณะวิทยาศาสตร์โลกประจำสถาบันธรณีเคมีและศิลาวิทยา (Institute of Geochemistry and Petrology) ในสวิตเซอร์แลนด์ นักวิจัยอเมริกัน อเล็กซานเดอร์ เอฟ.กอนชารอฟ (Alexander F.Goncharov ) จากแล็บวิทยาศาสตร์โลกและดาวเคราะห์ (Earth and Planets Laboratory) ประจำสถาบันคาร์เนกีแห่งวอชิงตัน (Carnegie Institution of Washington) ในสหรัฐฯ และโนบูโยชิ มิยาจิมา (Nobuyoshi Miyajima) จากสถาบันวิจัยบาวาเรียแห่งธรณีเคมีและธรณีฟิสิกส์เชิงปฏิบัติ (Bavarian Research Institute of Experimental Geochemistry and Geophysics) ประจำมหาวิทยาลัยไบรอยต์ (University of Bayreuth) เยอรมัน และไดซูเกะ ยามาซากิ (Daisuke Yamazaki) จากสถาบันวัสดุดวงดาว (Institute for Planetary Materials) ประจำมหาวิทยาลัยโอกายามา (Okayama University) ญี่ปุ่น และนิโคลัส โฮลต์กรูว์ (Nicholas Holtgrewe) จากแล็บวิทยาศาสตร์โลกและดาวเคราะห์ ประจำสถาบันคาร์เนกี แห่งวอชิงตันในสหรัฐฯ

ภายในของโลกกำลังเริ่มเย็นตัวลงอย่างช้าๆ จากอายุ 4.5 พันล้านปีที่ถือกำเนิด โดยทีมนักวิทยาศาสตร์ได้กล่าวในงานวิจัยว่า “การคาดการณ์นี้ทำให้เกิดคำถามว่าโลกจะสูญเสียความร้อนในตัวเองเร็วมากเพียงใดจากตลอดประวัติศาสตร์ของมันเองซึ่งเชื่อมโยงโดยตรงต่อคำถามใหญ่ที่ว่าโลกจะยังคงมีชีวิตต่อไปอีกนานเท่าใด”

สื่อสหรัฐฯ ชี้ว่า แต่ทว่าอัตราความเร็วมากเท่าใดที่โลกจะสูญเสียความร้อนที่แกนกลางนั้นเป็นหัวข้อการวิจัยที่กำลังดำเนินอยู่

โดยทีมนักวิจัยนานาชาติชุดนี้กำลังศึกษาแร่ธาตุบริดจ์แมนไนท์ (bridgmanite) ซึ่งเป็นแร่ธาตุปกติแคลเซียมซิลิเกต หรือแมกนีเซียมซิลิเกตที่พบมากในชั้นล่างของเนื้อโลกตรงบริเวณเนื้อโลก (mantle) และแก่นโลก (Earth’s core)

พวกเขาพบว่าอัตราความเร็วมีถึง 1.5 เท่ากว่าที่เคยเชื่อมา “พวกเราพบว่าการนำความร้อนขนาดใหญ่ (thermal conductivity) ที่บริเวณใจกลางเนื้อโลกสูงกว่า 1.5 เท่ามากกว่าที่เคยคิดไว้ที่สนับสนุนความร้อนที่สูงกว่าไหลออกมาจากแก่นกลางโลก ดังนั้น การถ่ายเทความร้อนที่เกิดขึ้นในของไหลเร็วกว่าที่เคยคาดการณ์”

และในรายงานยังชี้ว่า “ผลการค้นพบชี้ไปว่าเนื้อโลกหรือภายในของโลกกำลังเย็นตัวลงและในท้ายที่สุดจะทำให้การเคลื่อนไหวของโลกจำนวนมากอ่อนแอลงเป็นผลมาจากการถ่ายเทความร้อนที่เกิดขึ้นในของไหลเร็วกว่าที่เคยคาดไว้ของกระบวนการถ่ายเทตามปกติของมัน”

สิ่งที่น่ากลัวเมื่อโลกเกิดเย็นตัวลงมันจะทำให้โลกสูญเสียสนามพลังงานแม่เหล็กที่ขั้วโลกไป ซึ่งสนามพลังงานแม่เหล็กเหล่านี้เป็นเกราะป้องกันรังสีคอสมิคที่เป็นอันตรายจากอวกาศและจะทำให้โลกกลายเป็นดาวเคราะห์ที่ไม่มีชีวิตที่สิ่งมีชีวิตบนโลกไม่สามารถอาศัยได้อีกต่อไปเหมือนเช่น ดาวพุธ และดาวศุกร์

เดลีเมล สื่ออังกฤษรายงานว่า ทีมนักวิจัยนานาชาติเชื่อว่า อัตราการเย็นตัวลงภายในโลกนี้จะเพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งอีลอน มัสค์ ได้ออกมาทวีตล่าสุดเมื่อวันที่ 16 ม.ค.ชี้ว่า มีโอกาสถึง 100% ทุกชีวิตบนโลกจะสูญพันธุ์เนื่องมาจากการขยายตัวของดวงอาทิตย์และมนุษยชาติจะรอดได้ก็ต่อเมื่อเป็นเผ่าพันธุ์ที่อาศัยอยู่ดาวหลายดวงเท่านั้น อ้างอิงการรายงานจาก interestingengineering เมื่อวันที่ 17 ม.ค. ที่ระบุว่า ในการรายงานจากเว็บไซต์ของมหาวิทยาคอนเนลของสหรัฐฯ ระบุว่า ดวงอาทิตย์ขยายขนาดเมื่อตัวมันสูญเสียไฮโดรนเจนในการเผาผลาญและเมื่อมันเกิดขึ้นมันจะล้อมโลกไว้ และมัสค์ได้ชี้ไปถึงปัญหาที่ทุกคนรู้ดีและต่างรู้ว่าบริษัทสเปซเอ็กซ์ของเขาเป็นหนึ่งในทางออกของมนุษยชาติที่จะดำรงเผ่าพันธุ์ได้ต่อไปในดาวดวงอื่น